วันนี้ (24 ตุลาคม) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติว่า ได้เกิดความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (GBC) ไทย–กัมพูชา เมื่อวานนี้ (23 ตุลาคม) ซึ่งนำคณะไทยโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วม ฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอสำคัญในการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานในกัมพูชา
ผลการหารือปรากฏว่า ทางการกัมพูชาได้ตอบรับและตกลงจัดตั้ง คณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา เพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและปฏิบัติการร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนหลังทางการเมียนมาดำเนินการปราบปรามเคเคปาร์คซึ่งเป็นแหล่งกบดานสำคัญของแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ จนมีบางส่วนพยายามหลบหนีเข้ามายังฝั่งไทย โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคัดแยกผู้หลบหนีอย่างละเอียด ว่าเข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือเป็น ผู้ร่วมขบวนการ
มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าในพื้นที่ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย โดยบูรณาการกำลังจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) และตำรวจไซเบอร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด
“จากข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบคนไทยหลบหนีจากเคเคปาร์คกลับมาในรอบนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมากที่สุด รองลงมาคือชาวอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นแรงงานสแกมเมอร์ที่หลอกลวงเหยื่อสัญชาติเดียวกันในระบบข้ามชาติ” โฆษก ศปอส.ตร. กล่าว
สำหรับกรณีที่สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ขบวนการสแกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้บางกลุ่มได้ย้ายฐานปฏิบัติการเข้ามาในประเทศไทย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้ว พร้อมชี้แจงว่าการตั้งฐานถาวรในไทยเป็นไปได้ยาก เนื่องจากตำรวจไทยมีมาตรการเข้มงวดและสามารถตรวจจับได้ง่ายกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ย้ำว่า ไทยมีความจริงจังในการสืบสวนและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าตำรวจไทยไม่ปล่อยปละละเลย และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดทุกกลุ่ม
