วานนี้ (20 มิถุนายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเผย อาจลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ในปี 2024 ในนามพรรคเดโมแครตอีกครั้ง ขณะที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องอายุที่เพิ่มมากขึ้นและปัญหาด้านสุขภาพ โดยไบเดนวัย 79 ปี นับเป็นผู้นำที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศ
จากแบบสำรวจความคิดเห็นของ The Wall Street Journal เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า พลเมืองอเมริกันวัยผู้ใหญ่ราวครึ่งหนึ่งและผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตราว 1 ใน 3 ที่ตอบแบบสอบถาม ไม่คิดว่าไบเดนจะลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย โดยเฉพาะเหตุผลเกี่ยวกับอายุและสุขภาพ ขณะที่แบบสำรวจความคิดเห็นของ Yahoo News / YouGov เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 40% ของผู้ที่โหวตให้กับไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ระบุว่า เขาไม่ควรลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ อีกหนึ่งสมัย ซึ่งสวนทางกับ 37% ที่เห็นว่าไบเดนควรลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เมื่อช่วง 1 เดือนก่อน
โดยก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า คามาลา (กมลา) แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ จะเป็นผู้ที่อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครต สู้ศึกการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ครั้งต่อไป หากไบเดนตัดสินใจไม่ลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในปี 2024 ซึ่งสมาชิกคนสำคัญของพรรคเดโมแครต มองว่า หากทางพรรคส่งแฮร์ริสจริง เธอก็อาจจะปราชัยให้กับผู้สมัครคนอื่นๆ อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้มีระดับความนิยมในโพลสำรวจความคิดเห็นดีกว่าไบเดนแต่อย่างใด
ต้องจับตาดูให้ดีว่า พรรคเดโมแครตจะวางหมากและเดินเกมทางการเมืองอย่างไรให้ผู้แทนจากพรรคของตนคว้าชัยในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในอีกราว 2-3 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องพิจารณาจากบริบทแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นผลงาน ระดับความนิยมในช่วงเวลานั้น รวมถึงผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน
ภาพ: Kevin Dietsch / Getty Images
อ้างอิง: