โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประกาศแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตโควิด-19 ในชื่อแผน ‘Buy American’ หรือซื้อของอเมริกัน ด้วยการทุ่มงบประมาณลงทุนกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21.9 ล้านล้านบาท (ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 10 กรกฎาคม) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและซื้อสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน ซึ่งถือเป็นการทุ่มงบประมาณลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ภายใต้เม็ดเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 5G และเทคโนโลยี AI ส่วนอีก 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นงบประมาณสำหรับรัฐบาลกลางในการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทอเมริกัน ซึ่งคาดว่าผลพวงจากการทุ่มงบลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ จะช่วยสร้างงานได้กว่า 5 ล้านตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและนวัตกรรม
ในการกล่าวปราศรัยที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวานนี้ (9 กรกฏาคม) ไบเดนกล่าวโจมตีความล้มเหลวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตชาวอเมริกัน และฉุดภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้ทรุดหนัก
“อีกครั้งและอีกครั้ง ที่ครอบครัวคนทำงานต้องชดใช้ให้กับความไร้ความสามารถของรัฐบาลนี้” ไบเดนกล่าว
ขณะที่เขาย้ำว่าเงินภาษีของชาวอเมริกันนั้นควรถูกใช้เพื่อซื้อสินค้าของชาวอเมริกัน และสร้างงานให้แก่ชาวอเมริกัน
“เมื่อรัฐบาลกลางใช้จ่ายเงินที่มาจากประชาชนผู้เสียภาษี เราควรใช้มันเพื่อซื้อสินค้าอเมริกัน และสนับสนุนการจ้างงานชาวอเมริกัน” เขากล่าว
สำหรับแผนเศรษฐกิจ ‘Buy American’ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับนโยบาย ‘American First’ หรือชาวอเมริกันต้องมาก่อนของทรัมป์ แต่ไบเดนโจมตีว่าทรัมป์นั้นล้มเหลวทั้งการสร้างงานและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกัน และยิ่งกว่านั้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทรัมป์ยังปกป้องความมั่งคั่งของตนเองและพวกพ้องแทนที่จะปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นแรงงาน
“ความจริงคือตลอดทั้งวิกฤตนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ แทบจะมุ่งความสนใจเพียงอย่างเดียวไปที่ตลาดหุ้น ทั้ง Dow Jones และ Nasdaq ไม่ใช่คุณ ไม่ใช่ครอบครัวของคุณ” ไบเดน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมหาเสียงของทรัมป์ตอบโต้แผน ‘Buy American’ ของไบเดนว่ามีแต่จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจอเมริกันตกอยู่ในหายนะ
“การโจมตีอย่างตั้งใจของไบเดนต่องานของเรา ครอบครัวของเรา และวิถีชีวิตแบบอเมริกัน จะย้อนกลับทุกสิ่งที่เราได้มาจากการลงมือทำร่วมกัน และทำให้เราตกอยู่ในภาวะหายนะทางเศรษฐกิจ” โฮแกน กิดลีย์ โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์กล่าว ในขณะที่โพลสำรวจความเห็นจากประชาชนล่าสุด พบว่าไบเดนได้รับคะแนนนิยมแซงหน้าทรัมป์ ด้วยตัวเลขเกือบ 2 หลัก ซึ่งสูงกว่าช่วงปี 2016 ที่ฮิลลารี คลินตัน ขับเคี่ยวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: