×

JobsDB เผย 10 อันดับองค์กรยอดนิยม 2560 ปตท. ครองแชมป์บริษัทที่คนอยากทำงานมากสุด

09.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจสมัครงานของคนไทยส่วนใหญ่ในอันดับแรกคือ ‘การเติบโต ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน’ ส่วนปัจจัยลำดับรองลงมาคือความมั่นคงของงาน และสุดท้ายคือวัฒนธรรมองค์กรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน
  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงครองแชมป์และรองแชมป์องค์กรที่คนอยากร่วมงานมากที่สุดได้อยู่เช่นเคย ส่วน บริษัท กูเกิล ประเทศไทย ขยับขึ้นมาครองอันดับที่ 3

     ถ้าจะมีหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คุณเลือกยื่นเอกสารสมัครงานบริษัทหรือองค์กรใดสักแห่ง นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการ คุณคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลข้อใด?

     วันนี้ (9 พ.ย.) บริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด (JobsDB) ผู้ให้บริการเว็บไซต์และแพลตฟอร์มจัดหางานยอดนิยมในเอเชีย ได้ทำการเก็บข้อมูลผลสำรวจ 10 องค์กรยอดนิยมในประเทศไทยที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2560 จากการเก็บข้อมูลผลสำรวจในเดือนพฤษภาคม 2560 กับกลุ่มตัวอย่างผู้หางานที่แบ่งตามช่วงอายุ 4 ช่วง ได้แก่ กลุ่ม Baby Boomers (อายุ 50 ปีขึ้นไป) 7%, กลุ่ม Gen X (อายุ 34-49 ปี) 49%, Gen Y (อายุ 26-33 ปี) 27% และกลุ่ม Gen Z (อายุ 18-25 ปี) 16%

     และพบว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจสมัครงานของคนไทยส่วนใหญ่ในอันดับแรกคือ ‘การเติบโต ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน’ ส่วนปัจจัยลำดับรองลงมาคือความมั่นคงของงาน และสุดท้ายคือวัฒนธรรมองค์กรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน

     ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจสมัครงานของนักศึกษาจบใหม่ ได้แก่ การเติบโต ความก้าวหน้า ความมั่นคงในหน้าที่การงาน และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ (ได้ทำงานร่วมกับทีมที่มีความเป็นผู้นำ และได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่มีศักยภาพ) ตามลำดับ

     นอกจากนี้ จ๊อบส์ ดีบี ยังได้เปิดเผยรายชื่อ 10 อันดับองค์กรยอดนิยมประจำปี 2560 ที่คนไทยส่วนใหญ่อยากร่วมงานมากที่สุดโดยมีรายชื่อดังนี้

 

 

ปตท. ครองแชมป์บริษัทที่คนอยากร่วมงานมากที่สุด

  1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)
  2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SCG)
  3. บริษัท กูเกิล ประเทศไทย (Google)
  4. บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Toyota Motor)
  5. บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (Dtac)
  6. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CP All)
  7. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS)
  8. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (Thai Airways)
  9. บริษัท ยูนิลีเวอร์ใน ประเทศไทย (Unilever)
  10. บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (Honda)

 

     โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วพบว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ SCG หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงครองแชมป์และรองแชมป์องค์กรที่คนอยากร่วมงานมากที่สุดได้อยู่เช่นเคย ส่วน Google หรือ บริษัท กูเกิล ประเทศไทย ขยับขึ้นมาครองอันดับที่ 3

     ขณะที่การบินไทยกลายเป็นบริษัทที่แหวกโผขึ้นมาติดอันดับที่ 8 ของการจัดอันดับในปีนี้ได้แทนที่เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด

     สำหรับ ปตท. ผู้สมัครงานให้เหตุผลว่า พวกเขาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและมีความมั่นคง โดยปัจจัยที่ทำให้คนอยากเข้ามาร่วมงานมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ การเติบโตและความมั่นคงของงาน, ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ และการสร้างสมดุลในชีวิตและการทำงาน

     กฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทรัพยากรบุคคลและศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวหลังขึ้นรับรางวัลว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ ปตท. ได้เข้ามาเป็น 1 ในบริษัทที่คนไทยอยากร่วมงานมากที่สุด โดยเป็น 2 ตัวแทนบริษัทของรัฐบาลร่วมกับการบินไทยที่ติดการจัดอันดับนี้ ทั้งยังบอกอีกด้วยว่า ปตท. เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรเดิมของบริษัทมากๆ

     “ที่ ปตท. ระบบ Recruit (รับสมัครพนักงาน) ของเราดีมาก เราจึงมีความเชื่อว่าสมรรถภาพของบุคลากรเราก็ดีเหมือนกัน โดยอัตราการหมุนเวียนของพนักงานในบริษัทเราต่อปีอยู่ที่ 1.7% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ

     “สิ่งสำคัญที่สุดของ ปตท. คือ เราต้องรักษาพนักงานเดิมให้อยู่กับเราได้นานที่สุด แต่ก็ต้องรับสมัครพนักงานใหม่เข้ามาเหมือนกัน โดยจะคำนึงถึงปัจจัยเคมีความเข้ากันได้ระหว่างพนักงานใหม่และพนักงานเก่ามากที่สุด”

 

ช่องทางที่ทำให้คนรู้จักบริษัทนั้นๆ คือ ‘การพบเห็นผ่านสื่อออนไลน์ และการบอกต่อ’

     สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผู้สมัครงานรู้จักบริษัทและองค์กรแต่ละแห่งมากที่สุด ลำดับแรกคือ การพบเห็นผ่านสื่อออนไลน์ เว็บไซต์หางานและเว็บไซต์ขององค์กร ส่วนลำดับรองลงมาคือการบอกต่อกันแบบ Word of Mouth

     ซึ่งการบอกต่อกันแบบปากต่อปากคือวิธีการที่ จ๊อบส์ ดีบี มองว่ามีความสำคัญมากๆ เนื่องจากมองว่าหากบุคลากรในองค์กรนั้นรู้สึกดีกับที่ทำงานของตน เขาก็จะบอกต่อให้เพื่อนหรือคนรู้จักได้รับรู้ ซึ่งจะทำให้องค์กรดังกล่าวได้รับคะแนนความนิยมและภาพลักษณ์เชิงบวกตามไปด้วย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X