เอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด (Beans and Brown) เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มเจมาร์ทที่ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ซึ่งมีไลน์ธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟ แบรนด์คาซ่า ลาแปง (Casa Lapin) และ แร็ป คอฟฟี่ (Rabb Coffee) เตรียมรุกตลาดกาแฟแบบเดลิเวอรีบนแพลตฟอร์มใหม่
โดยจะร่วมมือกับบริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด (J Venture) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาร่วมพัฒนาแพลตฟอร์ม ชื่อ ‘Rabbit Walk’ ช่วงเริ่มต้นจะเปิดให้บริการเดลิเวอรีที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์เป็นที่แรก และจะขยายพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 8 สาขาต่อไปในย่านคนทำงาน เริ่มเดือนหน้า เช่น สาขาเซ็นทรัลบางนา, ลาดพร้าว, ราชเทวี เป็นต้น โดยยังเน้นให้พนักงานเดินส่งภายในตึกของสาขาต่างๆ
ทั้งนี้ Rabbit Walk เบื้องต้นจะให้บริการกาแฟและขนมก่อน คาดหวังจะเห็นสัดส่วนรายได้จากบริการดังกล่าวประมาณ 20% ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในปีนี้ ซึ่งในอนาคตอาจพัฒนาให้บริการส่งอาหารเพิ่มเติม
ด้าน เติมพงศ์ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด เปิดเผยว่า การผนึกกำลังภายใต้ความแข็งแกร่งของกลุ่มเจมาร์ทนั้น จะทำให้บีนส์แอนด์บราวน์ สามารถต่อยอดธุรกิจร้านอาหารและกาแฟได้อย่างแตกต่าง เพิ่มความสามารในการแข่งขัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขาย Rabbit Walk จึงตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้ง่าย เจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ
“เราเห็นมอเตอร์ไซค์ส่งอาหารมาสั่งกาแฟที่ร้าน และไปส่งให้ลูกค้าบนตึกเดียวกันกับที่เราขาย เราเลยจับตรงนี้มาเป็นจุดขาย โดยให้พนักงานเดินไปส่งเอง ซึ่งเราต้องการให้ลูกค้าได้ความสดของกาแฟ สั่งเย็นได้เย็น สั่งร้อนได้ร้อน” เติมพงศ์ กล่าว
แม้ในปี 2563 จะเป็นปีที่มีความท้าทายต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังเชื่อมั่นในจุดแข็ง ที่สามารถตอบโจทย์คอกาแฟ และไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค รวมถึงการต่อยอดมาบนแพลตฟอร์มใหม่บนโลกออนไลน์ โดยธุรกิจเดลิเวอรีที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
ปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 18 สาขา แบ่งเป็น คาซ่า ลาแปง (Casa Lapin) ในรูปแบบโมเดลร้านขนาดเล็ก ไปจนถึงใหญ่ รวม 16 สาขา และ แร็ป คอฟฟี่ (Rabb Coffee) 2 สาขา โดยบริษัทฯ เตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้อีก 6 สาขา ควบคู่การผนึกกำลังกับเจมาร์ท
สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทยในปี 2562 ที่มีมูลค่าสูง อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณการบริโภคต่อคนของคนไทยยังคงต่ำกว่าต่างประเทศ ซึ่งยังคงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทได้อีกมากในฐานะที่เป็นแบรนด์กาแฟ Specialty ของไทย
รายงาน: ชุติมา อภิชัยสุขสกุล
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com