วันนี้ (3 พฤษภาคม) จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เร่งตรวจสอบและดำเนินการโดยด่วน กรณีได้รับเรื่องร้องทุกข์จำนวนมากจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้เช่าหอพักตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านเมืองเอก ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ว่าถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งในเรื่องสัญญาเช่า และมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม สร้างความเดือดร้อน
ตามข้อสั่งการดังกล่าว สคบ. ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต และได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ได้รับผลกระทบเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ซึ่งจากการลงพื้นที่ครั้งนั้น พบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด 17 ราย โดยในจำนวนนี้ 3 รายได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กับ สคบ. โดยตรง ซึ่ง สคบ. รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้ว ส่วนอีก 14 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ปากคลองรังสิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องเพื่อสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม สคบ. ได้ประสานนำส่งเรื่องร้องทุกข์ของผู้เสียหายทั้ง 14 รายที่แจ้งความไว้ ให้ สภ.ปากคลองรังสิต ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย พร้อมกันนี้ สคบ. ได้ออกหนังสือเรียกผู้ประกอบธุรกิจหอพักให้มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 หากผู้ประกอบธุรกิจได้รับหนังสือแล้วไม่มาพบตามกำหนดโดยไม่มีเหตุอันควร จะถือเป็นความผิดฐานไม่มาให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
วานนี้ (2 พฤษภาคม) พนักงานเจ้าหน้าที่ สคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหอพักดังกล่าวอีกครั้ง แต่ไม่พบบุคคลใดแสดงตนเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลหอพัก คณะเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ปากคลองรังสิต
จิราพรย้ำว่า สคบ. จะติดตามและดำเนินการช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม และหากพบว่าผู้ประกอบการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น เทศบาลตำบลหลักหก เพื่อตรวจสอบการใช้อาคารว่าถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หรือไม่, กรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อตรวจสอบลักษณะการประกอบธุรกิจว่าเข้าข่ายเป็นหอพักตาม พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. 2558 หรือไม่ และกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับรายได้และการเสียภาษีว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้บริโภคเป็นไปอย่างครอบคลุมทุกด้าน