วันนี้ (28 เมษายน) จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ไม่มีสัญญาณการปรับ ครม. จากนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งหมดเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและเป็นกลไกของปกติในการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อนายกฯ เห็นว่าสภาวะไหนเหมาะสมที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนคนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง เพื่อขับเคลื่อนงานก็จะสามารถกระทำได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการปรับเปลี่ยนไม่ว่าจะระหว่างเทอม หรือครบเทอม 4 ปี ก็ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากปรับ ครม. บ่อยจะทำให้การทำงานสะดุดหรือไม่นั้น จิราพรย้ำว่าเป็นกลไกปกติ หากบางช่วงที่นายกฯ ต้องการบุคคลที่มีประสบการณ์เหมาะสมกับการขับเคลื่อนงานในช่วงเวลานั้นๆก็สามารถกระทำได้ ซึ่งนายกฯ ก็จะดูในหลายมิติประกอบกัน ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะปรับ ครม.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับ ครม. เร็วๆ นี้หรือไม่ จิราพรยืนยันว่าไม่ทราบ แต่ตนเองในฐานะรัฐมนตรี เมื่อนายกฯ มอบหมายงานอะไรมาก็ทำอย่างเต็มที่ ตามที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ จึงขอใช้ทุกเวลาทุกนาทีทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีก็ให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
พิชัย ปัดตอบมีชื่อพ้น ครม. ขอทำงานก่อน
ขณะที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการเจรจาแก้กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปว่าจะมีการเจรจาเรื่องอะไร อยู่ที่สหรัฐฯ ว่าเขาเห็นว่าเรื่องอะไรสำคัญบ้าง ขอร้องให้สรุป ถ้าพูดไปก่อนจะทำให้เกิดปัญหา ยืนยันว่าไม่ได้รอให้สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอเงื่อนไขไทยเองก็ต้องเสนอด้วยจะต้องเห็นตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนกับการเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ FTA ที่จะหารือกันว่าเขาอยากได้อะไรแล้วมาต่อรองกัน
ส่วนแนวทางการเจรจาของประเทศไทยจะรอให้ประเทศต่างๆ เจรจาให้นิ่งก่อน แล้วค่อยเข้าไปเจรจาใช่หรือไม่ พิชัยกล่าวว่า ต้องทำไปพร้อมกัน ในช่วงนี้เป็นการให้ข้อมูลกลับภาคเอกชนของสหรัฐฯ เช่น ก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยกับบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) รวมถึงพูดคุยกับซีอีโอของบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งว่าเขาอยากได้อะไร ขณะที่สหรัฐฯ ยังก็ไม่มีข้อสรุป รวมถึงตัวแทนฝั่งไทยที่ไปพบสหรัฐฯ มาก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ยืนยันว่ามีการเจอกันแล้วในระดับเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่มีการเสนอเงื่อนไข
พิชัยเปิดเผยว่ามีข่าวดีจากภาคเอกชนของสหรัฐฯ ว่าไทยไม่อยู่ 1 ใน 10 ที่สหรัฐฯ จะขึ้นกำแพงภาษี เพราะ 10 ประเทศนี้จะลำบากส่วนประเทศไทยน่าจะอยู่ในลำดับที่ 11-12 ซึ่งภาคเอกชนของสหรัฐฯ เขาเชื่อว่าเจรจา 1-2 ครั้งก็จบแล้ว แต่นี่เป็นข้อมูลที่ภาคเอกชนแจ้งมากับตน เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สหรัฐฯ เผยความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องกับ 6 ประเทศเอเชีย แต่ไม่มีไทยนั้น นายพิชัยกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ถึงเวลามีก็มีไม่เป็นไร แต่เชื่อว่าอย่างไรต้องมีชื่อประเทศไทยแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ซึ่งมีชื่อของพิชัยถูกปรับออกนั้น พิชัยกล่าวว่า “อ้อ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลยครับ อยากทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุด”
เมื่อผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า สิ่งที่ได้พูดคุยกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ถ้ามีการปรับ ครม. สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ หรือต้องรอให้รัฐมนตรีคนใหม่มาดำเนินการ พิชัยไม่ตอบ แต่เดินเข้าห้องประชุมทันที