เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกมาระบุระหว่างเข้าร่วมสัมมนานโยบายการเงินในวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ปัญหาความตึงเครียดในภาคธนาคารของสหรัฐฯ ในเวลานี้อาจทำให้ Fed ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยจนสูงเกินไปเพื่อคุมเงินเฟ้อ
พาวเวลล์อธิบายว่า มาตรการของ Fed ที่ถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของธนาคารขนาดกลางช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาในภาคธนาคารลุกลาม แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ทั้งหมด เพราะสิ่งที่ตามมาคือ ภาวะสินเชื่อตึงตัว (Credit Crunch) ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงสินเชื่อมีความยากลำบากขึ้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน
“ในแง่ของเงินเฟ้อภาวะดังกล่าวอาจช่วยให้เราไม่ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยจนสูงมากเกินไปเพื่อควบคุมดอกเบี้ยให้กลับสู่กรอบเป้าหมาย เพราะเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวเงินเฟ้อก็จะชะลอลงไปด้วยตามธรรมชาติ” พาวเวลล์กล่าว
อย่างไรก็ดี ประธาน Fed ยอมรับว่า เงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่สูงเกินไปโดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐาน ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจจำนวนมากกำลังเผชิญกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตสูงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“หากเราล้มเหลวที่จะนำเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบ ความเสียหายต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะยิ่งยืดยาวออกไป ทำให้เราต้องแน่วแน่กับเป้าหมายที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับที่มีเสถียรภาพต่อไป” พาวเวลล์กล่าว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดคาดการณ์กันว่า Fed จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากที่เดินหน้าขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงระดับ 5-5.25% อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ระบุว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตจะยึดโยงกับข้อมูลทางเศรษฐกิจ (Data-dependent)
อ้างอิง:
