รัฐบาลฝรั่งเศสตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศไทยภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปในทุกมิติเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ โดยฝรั่งเศสเล็งเห็นศักยภาพของไทย และหวังดึงดูดการลงทุนจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็คาดหวังให้รัฐบาลไทยสนับสนุนการค้าและการลงทุนจากฝรั่งเศสเช่นกัน เพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงภูมิภาคยุโรปและอาเซียนด้วย
ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายฌอง-บาติสต์ เลอมวน (Jean-Baptiste Lemoyne) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น รมช.เลอมวน ได้ส่งสารถึงไทยว่า ในยุคโลกาภิวัตน์ที่มีความท้าทายมากมาย ฝรั่งเศสจำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูปในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านตลาดแรงงาน ดิจิทัล และทุนมนุษย์ ขณะที่ไทยเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นจุดหมายอันดับ 2 ของการลงทุนโดยตรงจากฝรั่งเศส ดังนั้นรัฐบาลของมาครงจึงต้องการส่งเสริมความร่วมมือในระดับทวิภาคีกับไทยอย่างต่อเนื่อง
แถลงการณ์ระบุว่า ฝรั่งเศสอยู่ในระหว่างปฏิรูปเศรษฐกิจให้ทันสมัยเช่นเดียวกับไทย ทั้ง 2 ประเทศต่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อการเติบโตที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ แต่การเติบโตอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน
ตลาดเดียวของสหภาพยุโรปสำหรับฝรั่งเศสก็เหมือนกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสำหรับไทย ที่ผ่านมาฝรั่งเศสและไทยต่างมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างแข็งขัน โดยฝรั่งเศสสามารถเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการส่งออกหรือฐานการผลิตของบริษัทไทยเพื่อป้อนตลาดยุโรป ในทางกลับกัน ไทยก็เป็นศูนย์กลางสำหรับบริษัทฝรั่งเศสที่ดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังให้คำมั่นว่า จะช่วยผลักดันการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปกับไทยให้มีความคืบหน้า เนื่องจากฝรั่งเศสต้องการหุ้นส่วนเพื่อสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี เพราะนโยบายการค้าถือเป็นเครื่องมืออันมีค่าสำหรับการปรับตัวของเศรษฐกิจฝรั่งเศสเพื่อให้ทันกับยุคสมัย ทั้งในด้านอีคอมเมิร์ซ ห่วงโซ่คุณค่า และพลังงานสะอาด
ทั้งนี้เป้าหมายสูงสุดของฝรั่งเศสคือการเสริมสร้างบทบาทของตนในฐานะดินแดนแห่งนวัตกรรมและมีความน่าดึงดูด ที่ซึ่งคนวัยหนุ่มสาวที่มีความสามารถจากทั่วโลกสามารถเข้ามาลงทุนได้
ฝรั่งเศสย้ำด้วยว่า ฝรั่งเศสและไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนาน 161 ปี และมีลักษณะเหมือนกันหลายอย่าง ทั้งขนาดพื้นที่ รสนิยมเรื่องความสุขในการใช้ชีวิต ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เดินทางมาเยือน แม้แต่ชื่อประเทศก็มีที่มาจากแนวคิดเรื่องอิสรภาพเหมือนกัน ขณะที่ไทยเริ่มดำเนินนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทฝรั่งเศสก็พร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขณะที่ทั้ง 2 ประเทศต่างกำหนดยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตทางเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้น โดยมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ระหว่างสภานายจ้างและผู้ประกอบการฝรั่งเศส (MEDEF International) กับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนของฝรั่งเศสและไทยที่ต้องการทำธุรกิจร่วมกัน
ในช่วงการเยือนไทย รมช.เลอมวน ยังได้หารือกับทางการไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับไทย ภายใต้การดำเนินการตามโรดแมปของไทยเพื่อกลับสู่ประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงสถานการณ์ชาวโรฮีนจาในเมียนมา โดยฝรั่งเศสย้ำจุดยืนในการประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงของกองกำลังความมั่นคงของเมียนมา พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเปิดทางให้นานาชาติเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำข่าวได้อย่างอิสระ รวมทั้งให้มีการกำหนดเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ลี้ภัยกลับสู่ถิ่นฐานเดิมด้วยความสมัครใจ ปลอดภัย และยั่งยืน โดยประเด็นดังกล่าวเป็นหัวข้อในการหารือกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาเรื่องการนำข้อเสนอของคณะกรรมการที่ปรึกษาว่าด้วยรัฐยะไข่ที่มีนายโคฟี อันนัน เป็นประธาน ไปปฏิบัติ
ในระหว่างการเยือนไทย รมช.เลอมวน ยังได้เข้าพบสมาชิกคณะรัฐมนตรีไทยหลายคนได้แก่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีด้านเศรษฐกิจ
Photo: สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประเทศไทย, AFP
