×

จตุพรยืนยันไม่ได้กระหายสงคราม ชี้ นายกฯ อ่อนแอทำชาติสุ่มเสี่ยงเสียดินแดน ท้าทักษิณไปศาล 13 มิ.ย.

โดย THE STANDARD TEAM
07.06.2025
  • LOADING...
jatupron-thaksin-court

วันนี้ (7 มิถุนายน) ที่รามอินทรา 40 จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรมหัวข้อ ‘เมื่อประเทศไทยมีปัญหา ถึงเวลาของคนไทยทุกคน ที่ต้องมาร่วมกันทำวาระเพื่อชาติ’

 

จตุพรระบุว่า เคยกล่าวไว้ว่าหากไทยกับกัมพูชาจะมีปัญหา จะต้องไม่ใช่ช่วงที่ตระกูลชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะสองครอบครัวนี้สนิทสนมกันมาก อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มีบ้านอยู่ที่กรุงพนมเปญ และลูกของน้องสาวก็เป็นดองกับผู้แทนในกัมพูชา ส่วนตัวจตุพรก็รู้จัก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต แต่ย้ำว่าสามารถแยกแยะได้ระหว่างการรู้จักส่วนตัวกับผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะเรื่องดินแดน

 

จตุพรกล่าววิจารณ์การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าสะท้อนความอ่อนแอมาโดยตลอด

 

จตุพรยังกล่าวว่า แม้ไทยไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลก แต่การสร้างความชอบธรรมในกระบวนการอื่นๆ จากความอ่อนแอของนายกรัฐมนตรี ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์การเมืองที่สุ่มเสี่ยงจะต้องเสียดินแดน โดยย้ำว่า “เราเป็นประเทศที่เสียดินแดนมากกว่าที่เหลืออยู่ และจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวอีกต่อไป”

 

การออกแถลงการณ์ของรัฐบาลที่เรียงตามลำดับไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศนี้ แม้กระทั่งภูมิธรรมออกแถลงการณ์ช่วง 07.00 น. ก็ยังไม่ได้แสดงว่าประเทศแข็งแรง จนกระทั่งผู้บัญชาการทหารบกออกคำสั่งให้กองกำลังบูรพา กองกำลังสุรนารีพิจารณาเปิด-ปิดด่านชายแดน และเชื่อว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม่ทัพภาคที่ 2 จะประกาศใช้กฎอัยการศึกตามตะเข็บชายแดน

 

“การที่เราได้รัฐบาลที่มีความอ่อนแอในวันที่เราต้องการความเข้มแข็ง แน่นอนไม่มีใครกระหายสงคราม ตามที่มีการปลุกเรื่องการกระหายสงคราม แต่บทเรียนของเราการเจรจาระหว่างรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสองชาติที่สระแก้วนั้น ที่นายกฯ บอกว่าโอเค โอเค แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชาปฏิเสธทุกข้อ แล้วเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ประเทศเขาได้นักรบปกครอง บ้านเมืองเราได้นักอะไรก็ไม่รู้ปกครอง จนกระทั่งปัจจุบัน ไม่มีความเท่าทันในการที่จะทำหน้าที่ปกป้องดินแดน” จตุพรกล่าว

 

จตุพรเชื่อว่าประชาชนไทยและกัมพูชาที่ทำงานในแต่ละประเทศจะไม่เกิดปัญหาต่อกัน นี่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับรัฐ กองทัพกับกองทัพ การออกมาเรียกร้องเรื่องดินแดนไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหารตามที่มีการปั่นกระแส “ถ้าคนไทยประเทศนี้เงียบเพราะกลัวการทำรัฐประหาร เพื่อแลกกับการเสียดินแดนนั้น เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เลย”

 

ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะมีการประกาศแสดงจุดยืน และในวันที่ 11 มิถุนายน จะเดินทางไปที่แพทยสภา เวลา 10.00 น. เพราะเชื่อว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยน และเกิน 60 เสียงในแพทยสภาจะยืนตามมติเดิม โต้กลับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 

สำหรับวันที่ 13 มิถุนายน ที่ศาลฎีกานัดพร้อมและไต่สวน จตุพรได้กล่าวถึงทักษิณ ว่า “ให้แสดงความกล้าหาญ ท่านพูดถึงผมว่าผมเข้าป่าไปแล้ว แต่ว่าท่านกล้าไปศาลหรือไม่ ที่พูดอวดดีตามที่ต่างๆ นั้น ขอถามว่าจะไปที่ศาลฎีกาหรือไม่ ผมไม่ต้องการฟังเหตุผลว่าป่วยอีกแล้ว ถ้าไปต้องไปในวันนั้น

 

“และถ้าศาลพิจารณาเสร็จในวันนั้นก็ต้องน้อมรับคำสั่ง จึงจะได้เป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ไปเก่งตามงานวันเกิด หรือตามงานต่างๆ แต่งานที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่เคยเป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งนั้น ควรจะต้องใช้ความกล้าหาญ กล้าประกาศว่าหัวเด็ดตีนขาด ตายเป็นตาย คุกเป็นคุกเลยไหม ว่าวันที่ 13 นี้ จะไปที่ศาลฎีกา”

 

จตุพรยังกล่าวถึงประเด็นสุดท้ายที่กัมพูชานัดประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งกัมพูชายืนยันว่าจะไม่นำ 4 เรื่องเข้าหารือ และจะไปศาลโลกอย่างเดียว แต่ทางการไทยยังคงพยายามเจรจาแม้ไม่มีวาระนี้แล้ว

 

“หลักการในเรื่องการปักปันเขตแดน ตรงไหนตกลงกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ จะไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไป และตกลงกันว่าวันใดที่จุดนั้นมีความเจริญเท่าเทียมกัน ค่อยมาเจรจากันอีกครั้ง แต่ไม่ใช่มาขุดคูเรด ในเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์กันได้ นั่นคือการรุกล้ำ และแสดงความเป็นเจ้าของ

 

“และหลังจากที่ภูมิธรรมไปเจรจา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา เขากลับไปออกแถลงการณ์ไม่ถอนกำลัง และไม่ถอย ประเทศไทยก็ไม่มีมาตรการใดๆ เมื่อเขาครอบครองก็มีหลักการเดียว เหมือนกฎหมายปิดปากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เราจะไปเสียโง่ซ้ำประเด็นเดิมๆ นี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหัวใจหลักของเรื่องในประเทศไทย วันที่ 12-13 นั่นคือจะเปลี่ยนที่สำคัญ และถ้าทักษิณให้ความร่วมมือก็ไปที่ศาลฎีกา ส่วนหลังจากไปใช้ชีวิตในเรือนจำ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่ไป” จตุพรกล่าว

 

จตุพรเน้นย้ำว่า การเสียดินแดนเกิดจากทัศนคติของคนในชาติ “วันนี้เราในฐานะเป็นคนไทยที่มองเห็นว่าเศรษฐกิจก็พัง การเมืองก็พัง ขบวนการยุติธรรมก็พัง และจะเสียดินแดนอีกนั้น ดังนั้นจึงถึงเวลาที่คนไทยต้องทำหน้าที่

 

“ขอย้ำว่า นี่คือการปกป้องประเทศ ไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหาร การไม่รักชาติแล้วอ้างว่าคนที่เขารักชาติเรียกร้องรัฐประหารในแผ่นดินนี้ ถ้าจะมีใครเรียกร้องรัฐประหารนั้นก็มีทางเดียว คือความอ่อนแอของตัวนายกรัฐมนตรี การสะท้อนทุกเรื่องของพ่อนายกฯ การไม่รู้จักหน้าที่ของรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่นคือการเรียกรัฐประหารตัวจริง คนไทยมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน เช่นเดียวกับทหารที่เขาต้องทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษใครการทำหน้าที่ของรัฐบาล อ้างความสนิทสนม นี่นายกฯ เพิ่งไปที่กัมพูชามา เราก็มีปัญหากับดินแดน ก่อนหน้านี้ไปจีนมา นักท่องเที่ยวจีนหายหมด ขอร้องอย่าไปที่ไหนอีก” จตุพรกล่าว

 

จตุพรยังกล่าวว่า ในภูมิภาคนี้กัมพูชามีความมั่นคงภายในมากที่สุด หากไปทางฝั่งมาเลเซีย อันวาร์ไม่ได้แข็งแรงแบบซีกกัมพูชา และในวันที่ 13 มิถุนายน เชื่อมั่นว่าทักษิณจะไม่ไปศาล “ตนอยากทายผิด อยากหน้าแตก แต่ตนเชื่อว่าเขาไม่ไป” จตุพรระบุว่าช่องทางตะเข็บไทย-กัมพูชามีจำนวนมากที่สามารถออกไปได้ หากมีการปล่อยปละละเลย

 

และที่ผ่านมาการออกนอกประเทศของทักษิณ รวมถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้มีอำนาจ ก็ไม่มีทางออกไปได้ “ครั้งนี้ก็เหมือนกันสถานการณ์ขณะนี้ช่องทางธรรมชาติ กองกำลังบูรพา หรือสุรนารี ย่อมที่จะรู้กันเป็นอย่างดีว่ามีช่องไหนบ้าง ดังนั้นตนก็ยังเห็นว่าถ้าจะมีการออกนอกประเทศ ช่องทางเดียวเท่านั้นคือกัมพูชา”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising