วันนี้ (4 เมษายน) จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่า ตลอดหลายวันตนตกเป็นเป้าจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ ถูกตั้งข้อหาว่าตนรับงานจัดการชุมนุม ขอยืนยันว่ามาตามคำเชิญของ อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 ที่ขอเวลาทำสิ่งดีๆ ให้แผ่นดิน ข้อแรกคือการไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลายคนคิดว่าไม่มีทางสำเร็จ เพราะการรวมตัวแบบสามัคคีประชาชนครั้งสุดท้ายคือเมื่อ 29 ปีที่แล้ว แต่อยากบอกว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในสาเหตุของปัญหาคือ พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งได้ประโยชน์จากความขัดแย้งของคนไทย จึงอยากให้คนเสื้อเหลือง เสื้อแดง วางประวัติศาสตร์ความเจ็บปวดของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์
ส่วนคำถามว่าจะเอาใคร ก็ขอประกาศว่าเป็นใครก็ได้ในแผ่นดินนี้ แต่ต้องไม่ใช่ “พลเอกอาวุโสประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ไม่เคยทำตามคำพูดว่าจะอยู่ไม่นาน แต่มีการวางแผนสืบทอดอำนาจโดยการเขียนรัฐธรรมนูญ 2560
จตุพรยังระบุว่า หลังจากนี้จะมีการจัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อดูว่าใครจะอึดกว่ากัน เพราะตนทนไม่ไหวอีกต่อไปกับทุนผูกขาด 7 ปี ทำให้ประชาชนจนลง มีแต่ความเดือดร้อน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนสามัคคียืนหยัดต่อสู้จนกว่า พล.อ. ประยุทธ์จะออกไป เพราะหากไม่สู้ พล.อ. ประยุทธ์จะอยู่ต่ออีก 6 ปี รวมเป็น 13 ปี
จตุพรยืนยันว่าตนเองไม่ได้เปลี่ยนข้าง แต่รู้ว่าจะต้องออกมาต่อสู้ตอนไหน และหลังจากนี้จะไม่ลังเล ไม่กลัวว่าจะถูกดำเนินคดี เพราะตอนนี้ก็มีคดีมากมายอยู่แล้ว เพิ่มอีกคดีเดียวคงไม่เป็นไร แต่ต้องไม่ยอมให้กับระบอบเผด็จการ อย่ายอมให้คนตระบัดสัตย์มีที่ยืน
จึงขอประกาศว่าเราพร้อมยอมรับทุกฝ่าย เราจะหลอมรวมกันมาร่วมจัดการ พล.อ. ประยุทธ์ เพราะถ้าแยกกันสู้ พล.อ. ประยุทธ์ จะอยู่ต่อ เมื่อปี 2535 เคยจัดการกับเผด็จการอย่างไร ปี 2564 ก็จะทำอย่างนั้น โดยจะใช้สวนสันติพรเป็นสถานที่ชุมนุม ครั้งต่อไป ในวันพรุ่งนี้ 16.00 น. เว้นวันที่ 6 เมษายน 2564 เพื่อหลีกทางให้กับกิจกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายน 2564
