สืบเนื่องจากกรณีเยาวชนชาวญี่ปุ่นถูกหลอกให้ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการประสานงานกับทางการญี่ปุ่น จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายกลับประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว
วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นหลอกลวงเหยื่อเด็กมัธยมสัญชาติเดียวกันข้ามฝั่งไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ คือ ทอม ฟูจินุมะ สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 29 ปี
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำหนังสือเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 และได้ตรวจสอบข้อมูลของทอมพบว่า เป็นผู้มีหมายจับจากทางการญี่ปุ่นในข้อหาลักพาตัวโดยใช้กำลังเพื่อแสวงหากำไร, การกักขังที่ผิดกฎหมาย, การบุกรุกเข้าไปในที่พักอาศัย ทำร้ายบุคคลในที่เกิดเหตุ และปล้นทรัพย์
ต่อมาทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยจากประเทศเมียนมา มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมแจ้งการเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร (ตม.83) ให้ผู้ต้องหาทราบ และนำตัวส่งดำเนินการตามกฎหมาย เตรียมผลักดันส่งกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวอีกว่า พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับคนต่างชาติที่กระทำผิดหรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและผลักดันออกนอกประเทศ รวมทั้งลงบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยทุกราย