กำลังอยู่ในความสนใจในหน้าการเมืองเอเชียตะวันออก สำหรับการพบกันระหว่าง อีแจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กับ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุม APEC 2025 ณ เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้
นอกจากสัญญาณ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ จากฟากเกาหลีใต้ หลัง อีแจ-มยอง ละทิ้งความบาดหมางทางประวัติศาสตร์จากยุคอาณานิคมบนโต๊ะเจรจา พร้อมทั้งย้ำว่า ทั้งสองประเทศต้องร่วมมือมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ขณะที่ญี่ปุ่นภายใต้การนำของทาคาอิจิ ก็ตอบรับด้วยแนวทางกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี อย่างการทูตแบบโต้ตอบ (Shuttle Diplomacy)
สิ่งที่น่าสนใจจากการพบปะครั้งนี้ คือ ของที่ระลึกแลกเปลี่ยนของ 2 ผู้นำ โดย อีแจ-มยองมอบสาหร่ายแห้งและเครื่องสำอางเกาหลีใต้ให้ทาคาอิจิ ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่นให้ ‘เซ็ตหมากล้อม’ หรือ ‘โกะ’ (Go) จากเมืองคามาคุระให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ดูผิวเผินอาจไม่มีความหมาย แต่ที่จริงแล้ว หินหมากล้อมนี้กลับมีนัยสำคัญทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศ ที่เชื่อมโยงทั้งประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์การทูต
เปิดความหมายของขวัญล้ำค่าก้าวข้ามความขัดแย้ง ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้
หากเปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง สาเหตุที่ อีแจ-มยองให้ของขวัญทาคาอิจิเป็นเครื่องสำอาง อาจเป็นเพราะผู้นำญี่ปุ่นเคยให้สัมภาษณ์ในช่วงแรกเข้ารับตำแหน่งว่า เธอชื่นชอบเครื่องสำอางและอาหารเกาหลี หลังถูกสื่อถามเรื่องความสัมพันธ์ทั้งสองชาติ ที่เคยตึงเครียดในช่วงที่ผ่านมา
“ฉันรักสาหร่ายเกาหลีใต้มากๆ แล้วฉันก็ใช้เครื่องสำอางเกาหลีด้วย รวมถึงฉันยังดูซีรีส์เกาหลีเหมือนกัน” เธอยังเน้นย้ำว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญมากๆ
ขณะที่ความหมายของหมากล้อม มาจากการที่ อีแจ-มยองเป็นเซียน ‘พาดุก’ (바둑) หรือหมากล้อมในภาษาเกาหลี โดยครั้งหนึ่ง ผู้นำเกาหลีใต้เคยให้สัมภาษณ์ในหน้าสื่อว่า ในช่วงชีวิตที่ยากจนในวัยเด็ก เขาชอบเล่นพาดุกมากๆ ถึงขนาดใช้ ‘รองเท้ายาง’ มาตัดเป็นหมากเดินเล่น
ความคลั่งไคล้พาดุกของ อีแจ-มยอง เป็นที่รู้จักกันทั้งในหมู่คนทั่วไป และหน้าการเมืองเกาหลีใต้ เขาเรียกตัวเองว่า ‘เอกีกา’ (에기가) หรือคนรักพาดุกในภาษาเกาหลี และฝีมืออยู่ในระดับดั้ง 5 (สูงสุดคือดั้ง 1) ในหมู่มือสมัครเล่นระดับสูง
ว่ากันว่า อีแจ-มยองศึกษาเกี่ยวกับกลเกมนี้เยอะมากๆ และใช้เวลาในยามเครียดปลดปล่อยตัวเองไปกับการเล่นหมากล้อม ซึ่งทำให้เขาหายเครียด สมองปลอดโปร่ง และทักษะพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผู้นำเกาหลีใต้ยังเคยประกาศว่า ความฝันสูงสุดในงานอดิเรกนี้ คือ การเป็นปรมาจารย์ด้านพาดุก
“ไม่มีความลับใดๆ ทั้งในการเมืองและพาดุก” อีแจ-มยอง ระบุ
ผศ. ดร. ธีวินท์ สุพุทธิกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองญี่ปุ่น และหัวหน้าภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายมีความพิถีพิถันที่เลือกของที่แต่ละฝ่ายชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะสืบสานความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ตั้งแต่ยุคฟุมิโอ คิชิดะ-ยุนซอกยอล, ชิเงรุ อิชิบะ-อีแจ-มยอง
“น่าสนใจว่า ความใส่ใจและพิถีพิถัน มีสูงมากจากทางฝั่งญี่ปุ่น เพราะไม่เพียงแต่ให้แท่นโกะที่อีชอบเล่นอยู่แล้ว แต่คัดสรรมาจากเมืองคามาคุระ ซึ่งเป็นเมืองพี่น้องกับเมืองบ้านเกิดของอีด้วย
“อีมาจากพรรคสายเสรีนิยม ปกติจะชูเรื่องปัญหาประวัติศาสตร์อาณานิคม และสงครามกับญี่ปุ่น ขณะที่ทาคาอิจิเป็นขวามักจะเมินเฉย หรือมีความเห็นแย้งชาติที่โจมตีญี่ปุ่นเรื่องสงคราม”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองญี่ปุ่นมองว่า ของขวัญเหล่านี้แสดงให้เห็นเรื่องราวเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้นำและสื่อสองฝ่าย นำไปขยายความตั้งใจที่จะคงความเป็นมิตรต่อกัน โดยมุ่งเน้นการทูตเพื่ออนาคต (Future-Oriented Diplomacy) และไม่นำ ‘อดีต’ มาสร้างความขัดแย้งกัน แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะคงความสัมพันธ์นี้ได้นานแค่ไหน
อนึ่ง เมืองคามาคุระที่ผลิตหมากล้อม เป็นเมืองพี่เมืองน้องของเมืองอันดง (Andong) บ้านเกิดของอีแจ-มยอง ซึ่งอยู่ในจังหวัดคยองซังเหนือ สถานที่จัด APEC 2025 อีกด้วย
พาดุกหรือโกะ จะชื่อไหน หมากล้อมก็รวมใจเอเชียตะวันออกไว้ด้วยกัน
อันที่จริง วัฒนธรรมการเล่นหมากล้อมเป็นสิ่งที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออก และมีผู้นำจำนวนมากที่คลั่งไคล้งานอดิเรกนี้ เช่น สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน, มุนแจอิน อดีตผู้นำเกาหลีใต้ และ, นาโอโตะ คัง อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น
และเชื่อหรือไม่ว่า หมากล้อมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการทูตเชื่อมสัมพันธ์เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น โดยมีการจัดกิจกรรมการแข่งขันโกะระหว่างสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งสองประเทศ ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา หากแต่ถูกระงับไปในปี 2004 เพราะความตึงเครียดทางการเมือง
อย่างไรก็ดี การทูตหมากล้อมกลับมาอีกครั้งในปี 2014 เพื่อรำลึกครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นส่งนาโอโตะเป็นตัวแทนประเทศ แข่งขันกับ อูยูชอล (Woo Yoo-chul) อดีต สส. พรรคแซนูรี (Saenuri)
ในเวลานั้น อูยูชอลให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า หมากล้อมก็เหมือนกับการทูตปิงปอง ที่สหรัฐอเมริกาและจีนใช้เป็นเครื่องมือสถาปนาทางการทูต และในการแข่งขันนี้ เกาหลีใต้หวังจะใช้หมากล้อมเป็นช่องทางสื่อสารความบาดหมางทางประวัติศาสตร์อย่างหญิงบำรุงขวัญ (Comfort Women) กับรัฐบาลของ ชินโซ อาเบะ
ขณะที่ในการแข่งขันนี้ นาโอโตะได้ทิ้งวาทะอมตะว่า ญี่ปุ่นได้เรียนรู้เกาหลีใต้มากมายจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน แม้จะมีปัญหามากมาย แต่สุดท้าย ทั้งสองประเทศก็ได้พัฒนาร่วมกัน จนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าในเอเชีย
“ผมหวังว่า การต่อสู้ในกระดานโกะจะไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเข่นฆ่ากันเอง แต่มันคือบทสรุปที่ยิ่งใหญ่ให้เรายอมรับซึ่งกันและกัน” นาโอโตะกล่าว
อ้างอิง:
- https://www.joongang.co.kr/article/25051364
- https://www.hankyung.com/article/2025103040201
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/south-koreas-lee-japans-takaichi-strengthen-ties-lees-office-says-2025-10-30/
- https://www.hankyung.com/article/2025103040201
- https://koreajoongangdaily.joins.com/2014/10/03/people/Reps-of-Japan-Korea-to-compete-in-baduk/2995652.html


 
         
           
                                 
             
                                                     
                                         
                                             
                                                 
                                                     
                                                         
                 
                 
                 
                 
                 
                