กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มอีกมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์นับจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มูลค่ารวมขณะนี้อยู่ที่ 1.12 ล้านล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากที่สุดในโลก ขณะที่จีนถือครองพันธบัตรเพิ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ รวมมูลค่า 1.11 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
การถือครองพันธบัตร 1.12 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นมูลค่ารวมสูงสุดที่ญี่ปุ่นเคยถือครองนับจากเดือนตุลาคม ปี 2016 สวนทางกับจีนที่ลดการซื้อพันธบัตรลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า อาจเป็นหนึ่งในมาตรการที่จีนใช้ตอบโต้ในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า มีโอกาสน้อยมากที่จีนจะเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งหมด
ภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย ให้ความเห็นกับ THE STANDARD ว่า การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ต่างชาติถือครองอยู่ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ มากนัก เพราะความน่าเชื่อถือหรือเครดิตเรตติ้งของตราสารหนี้สหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับ AAA ซึ่งหากจีนเทขายจริงแล้วไม่มีใครรับซื้อ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็อาจรับซื้อเองทั้งหมด เหมือนกับที่เคยแทรกแซงตลาดด้วยมาตรการ QE ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
ภาสกรมองว่า การตอบโต้ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในสงครามการค้า น่าจะเป็นเรื่องของมาตรการภาษีมากกว่า เพราะแค่จีนระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ก็กระทบมากอยู่แล้ว หรืออย่างเลวร้ายที่สุด ก็อาจตอบโต้กันด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff) อย่างเช่น กรณี Huawei ซึ่งก็สร้างความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน ส่วนมาตรการในตลาดพันธบัตรเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากและไม่เกิดผลดีอะไรกับจีน
สำหรับประเทศที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 คือ สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นจาก 3.23 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 3.42 แสนล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
