วันนี้ (26 กรกฎาคม) ญี่ปุ่นได้ลงโทษประหารชีวิต โทโมฮิโระ คาโตะ วัย 39 ปี ฆาตกรชายที่เคยก่อเหตุขับรถพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านอากิฮาบาระ ซึ่งเป็นย่านการค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน ก่อนที่จะเอามีดจ้วงแทงประชาชนไม่เลือกหน้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บอีก 10 ราย เมื่อปี 2008
โยชิฮิสะ ฟุรุคาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คาโตะถูกประหารชีวิตด้วยวิธีแขวนคอในทัณฑสถานโตเกียวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในปี 2011 โดยคนร้ายได้เตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเปิดฉากสังหารหมู่ ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงต่อสังคม
ในช่วงเวลาดังกล่าว คาโตะเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนว่า เขาเหนื่อยกับการใช้ชีวิต มีความเครียดจากสภาพการงานที่ไม่มั่นคง และรู้สึกเหงา โดยเขาเดินทางไปย่านอากิฮาบาระ เพราะ ‘ต้องการฆ่าคน โดยไม่สนใจว่าจะเป็นใคร’ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุฆาตกรรมที่รุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปีของประเทศ และสร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก
แม้จะเผชิญกับเสียงทัดทานจากประชาคมโลก แต่ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าใช้บทลงโทษประหารชีวิต โดยฟุรุคาวะกล่าวว่า การลงโทษประหารชีวิตเป็นการตอบสนองที่สมเหตุสมผลต่ออาชญากรรมที่เลวร้ายและรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเขามองว่าคงไม่เหมาะสมหากญี่ปุ่นจะเลิกใช้กฎหมายนี้ อย่างไรก็ตาม ฟุรุคาวะปฏิเสธว่าการลงโทษประหารครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีการลอบสังหารอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ เมื่อช่วงต้นเดือนแต่อย่างใด
อนึ่ง ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเป็นสองประเทศในกลุ่ม G7 ที่ยังคงใช้โทษประหาร ขณะที่ผลการสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดนี้ โดยการประหารชีวิตในญี่ปุ่นถือเป็นความลับ ซึ่งนักโทษจะไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจนกว่าจะถึงเช้าวันประหาร
แฟ้มภาพ: JIJI PRESS / AFP
อ้างอิง: