กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่น เริ่มการหารือกับคณะผู้เชี่ยวชาญจากอนุกรรมการด้านวัคซีน เพื่อพิจารณาแผนฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 หรือเข็มกระตุ้น ให้แก่ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 8 เดือน
เบื้องต้นญี่ปุ่นคาดหวังว่าอาจเริ่มต้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะประสบผลสำเร็จในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทุกคนที่ต้องการได้ครบคนละ 2 โดส
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ผู้เสนอแผนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เผยว่า ตามหลักการแล้ววัคซีนทุกโดสควรมาจากผู้ผลิตรายเดียวกัน แต่ในการหารือได้มีการหยิบยกประเด็นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ต่างยี่ห้อจาก 2 โดสแรก โดยรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญจะมีการศึกษาเพิ่มเติมก่อนพิจารณาข้อสรุปในเรื่องนี้
ปัจจุบันวัคซีนโควิดที่ได้รับอนุมัติใช้งานในญี่ปุ่น ได้แก่ วัคซีนจาก Pfizer Moderna และ AstraZeneca ซึ่งเป็นวัคซีนตัวล่าสุดที่ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มฉีดให้ประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดเป็นวัคซีนแบบฉีด 2 โดส
นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่นจะมีการหารือว่าประชาชนกลุ่มใดควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และจะมีการจัดลำดับกลุ่มที่ควรฉีดก่อน โดยอ้างอิงข้อมูลและกระบวนการจากชาติอื่นที่เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว
การพิจารณาแผนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลง หลังฉีดครบ 2 โดสมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง โดยผลศึกษาวิจัยหลายฉบับชี้ว่าภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดวัคซีนโดสที่ 2 จะเริ่มลดลงหลังผ่านไปแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการต้านทานเชื้อโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่ระบาดรุนแรง
ขณะที่หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ อิสราเอล และสิงคโปร์ ตัดสินใจเดินหน้าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชน แม้ว่าจะยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงความจำเป็นจากนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เรียกร้องให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศร่ำรวย ระงับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชน จนกว่าประเทศที่มีอัตราฉีดวัคซีนต่ำจะสามารถจัดหาวัคซีนฉีดให้ประชาชนได้เพียงพอ
ภาพ: Photo by Rodrigo Reyes Marin / ZUMA Wire/Pool/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: