เปิดศึกเพดานหนี้! เจเน็ต เยลเลน เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งขยายเพดานหนี้ หวั่นสหรัฐฯ ผิดนัดชำระ เนื่องจากระดับหนี้สาธารณะจ่อแตะเพดานในสัปดาห์หน้า ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือน วิกฤตเพดานหนี้ครั้งนี้อาจทำให้สหรัฐฯ เผชิญวิกฤตการคลังครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขู่ว่า สหรัฐอเมริกาเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมทั้งเตือนว่า ระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อาจแตะเพดานที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์หน้า หมายความว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนเพื่อบรรลุการเจรจาในการเพิ่มเพดานหนี้ หรือจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เจเน็ต เยลเลน ยืดอกยอมรับ คาดการณ์เงินเฟ้อผิดพลาด แต่เชื่อว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
- เจเน็ต เยลเลน เผยแผนกำหนดเพดาน ‘ราคาน้ำมันรัสเซีย’ ได้ผล หลังรัสเซียยอมลดราคาขายล็อตใหญ่ให้ ‘จีน-อินเดีย’
- เจเน็ต เยลเลน ไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว พร้อมเชื่อว่ามีวิธีคุมเงินเฟ้อโดยที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
ในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำสภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มกราคม) เยลเลนกล่าวว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะแตะเพดานที่กำหนดโดยสภาคองเกรสในวันที่ 19 มกราคม โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะเริ่มใช้มาตรการพิเศษหรือขั้นตอนการบริหารจัดการพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระ
เยลเลนย้ำอีกว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่สภาคองเกรสจะต้องดำเนินการอย่างทันท่วงที เพื่อเพิ่มหรือระงับการใช้เพดานหนี้สาธารณะ ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญกับอันตรายอย่างไม่อาจแก้ไข รวมไปถึงการดำรงชีวิตของชาวอเมริกันทุกคน และเสถียรภาพทางการเงินทั่วโลกด้วย
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เสริมอีกว่า ในอดีตยามที่สภาคองเกรสล้มเหลวในการปฏิบัติตามคำร้องขอของรัฐบาล ทำให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับอันตรายอย่างแท้จริง รวมถึงการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2011
การเจรจาเรื่องเพดานหนี้ในปีนี้คาดว่าจะเป็นการเจรจาครั้งที่ยากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา และวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ร่วมกันเพื่อต่อต้านเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในสภา ซึ่งต้องการให้มีการลดรายจ่ายแลกกับเพิ่มเพดานหนี้
แม้ในท้ายที่สุดในปีนั้นทั้งสองฝ่ายต่างบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่ก็ไม่ทันยับยั้งความวุ่นวายในตลาดและการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ S&P
ในปีนี้พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้รัฐบาลลดงบประมาณก้อนโตอีกครั้ง เพื่อแลกกับการเพิ่มเพดานหนี้ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้รีพับลิกันได้เสียงข้างมากในสภาล่างเบาบางลงเมื่อเทียบกับอดีต นอกจากนี้ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐฯ ยังยอมรับข้อเรียกร้องของ ส.ส. พรรคเดียวกัน เกี่ยวกับการนำกฎมาใช้ใหม่ ซึ่งกำหนดว่า อนุญาตให้สมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรคนใดก็ได้เพียง 1 ราย สามารถยื่นญัตติขอให้สภาโหวตถอดถอนประธานสภาได้ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ประนีประนอมได้ยากขึ้น
โดย ชิป รอย สมาชิกสภาคองเกรส พรรครีพับลิกัน จากเท็กซัส ซึ่งลงคะแนนเสียงต่อต้านแมคคาร์ธีมาตลอด ก่อนจะสนับสนุนเขาในท้ายที่สุด เคยขู่ว่า จะลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจแมคคาร์ธีหากเขาพยายามเพิ่มเพดานหนี้โดยไม่มีข้อตกลงที่ยอมรับได้
ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดนและพรรคเดโมแครตแสดงออกอย่างชัดเจนว่า พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะยอมปรับลดงบประมาณใดๆ รวมถึงการใช้มาตรการใดๆ ของฝ่ายบริหาร (Executive Action) เช่น การการผลิตเหรียญมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวคิดในอดีต เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัด โดยปราศจากการแทรกแซงของสภาคองเกรส
ด้าน เจสัน เฟอร์แมน อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในสมัยประธานาธิบดี บารัก โอบามา กล่าวว่า ประเด็นเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ปีนี้เสี่ยงที่จะทำให้การเจรจาเรื่องเพดานหนี้พบทางตัน และนำไปสู่วิกฤตการคลังครั้งใหญ่เท่าที่เคยมีมา
อ้างอิง: