วันนี้ (22 มกราคม) สืบเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนพฤติกรรมของประชาชนบางกลุ่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการเชิญชวนทางสื่อสังคมออนไลน์ให้เข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญ Jagat โดยสามารถนำเหรียญที่พบไปแลกเป็นเงินสดได้ แต่กลับพบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนมีพฤติกรรมตามหาเหรียญ Jagat ที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ ในลักษณะสร้างความเดือดร้อนรำคาญในการดำรงชีวิตประจำวัน และมีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา
ทั้งนี้ Jagat คือแพลตฟอร์มจากประเทศอินโดนีเซีย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ฟีเจอร์ Jagat Coin Hunt ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นล่าสมบัติในโลกเสมือนจริง รวบรวมเหรียญและรางวัลที่สามารถแปลงเป็นมูลค่าในโลกจริงได้ โดยการผสมผสานเทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) เกม และบล็อกเชนเข้าด้วยกัน ด้วยรูปแบบการเล่นที่โต้ตอบได้และโอกาสรับรางวัลเป็นเงินจริงๆ Jagat Coin Hunt จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผู้เล่นสามารถออกสำรวจสถานที่ต่างๆ เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จและค้นหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลไปพร้อมกัน ทำให้เกมนี้เป็นมากกว่าเกมทั่วไป
สำหรับในประเทศไทย แอปพลิเคชัน Jagat เปิดให้เล่นในสถานที่สาธารณะ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต และชลบุรี (พัทยา) และมีผู้ใช้งานออกมายืนยันว่าได้รับเงินจริง โดยเหรียญจะมีทั้งหมด 3 สี คือ เหรียญทองแดง มูลค่า 500-2,000 บาท เหรียญเงิน มูลค่า 20,000 บาท และเหรียญทอง มูลค่าถึง 200,000 บาท
พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหา ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ และความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Jagat จะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และยังเข้าถึงพิกัดของผู้เล่นได้ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ. ศุภกร ผิวอ่อน รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 เร่งรัดตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน Jagat ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมล่าเหรียญ Jagat ว่ามีความปลอดภัยและดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่
จากการตรวจสอบเบื้องต้นในจุดที่แสดงพิกัดของเหรียญในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบชายวัยรุ่น 2 คนมาตามหาเหรียญ โดยแจ้งว่าทราบกิจกรรมดังกล่าวจากสังคมออนไลน์ จึงออกติดตามหาเหรียญ แต่ไม่พบ จึงประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฎหมายและวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก่อนที่วัยรุ่นดังกล่าวจะเดินทางกลับ
ตำรวจไซเบอร์ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนว่า การเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงท่านอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว