วานนี้ (6 กันยายน) เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมาย อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD กรณีการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะนับตั้งแต่ปี 2557 หลังรัฐประหาร หรือปี 2560 หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ หรือปี 2562 หลังการเลือกตั้ง
ผู้ดำเนินรายการถามถึงกรณีปรากฏเอกสารหลุดระบุว่า มีชัย ฤชุพันธุ์ มีความเห็นให้นับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง
เจษฎ์กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวยังไม่ทราบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ หรือต่อให้เป็นเอกสารจริงก็ไม่ได้แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องนับตามนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิที่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้ เช่น จะนับแต่ปี 2557 หรือ 2562
ใครจะว่าอย่างไรก็ว่ากันไปในทั้งหมด 3 ทางนี้ แต่ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตัดสินอย่างไร ต่อให้ความเห็นของเราถูกต้องก็ไม่ได้ผูกพันใคร ขณะที่ความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า นับแต่ปี 2560 หรือ 2562 ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย แต่ความเห็นศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับพวกเราทุกคน
ส่วนตัวตีความว่านับแต่ปี 2557 เพราะมาตรา 264 บอกว่า คณะรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งแปลว่านับการเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557 จึงคิดว่าตามกลไกกฎหมายต้องนับแบบนี้ และไม่ใช่เรื่องนับย้อนหลัง ในเมื่อไปเอาสิ่งที่เกิดก่อนมามีผลกับสิ่งที่เกิดภายหลัง ไม่ใช่เรื่องย้อนหลัง แต่เป็นการไปดึงเอามาเอง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าตีความว่านับแต่ปี 2560 แล้วก่อนหน้านั้น พล.อ. ประยุทธ์ใช้อำนาจอะไร
เจษฎ์กล่าวว่า ถ้าจะอธิบายว่านับแต่ปี 2560 ต้องอธิบายว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ไม่ได้มีคณะรัฐมนตรีที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 24 สิงหาคม 2557 แต่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เป็นรัฐธรรมนูญคนละฉบับ เมื่อฉบับปี 2557 สิ้นผลไป ทำให้มีรอยต่อ ในการมีรอยต่อนั้นเท่ากับตอนเป็นมาอยู่เดิมจบไปแล้ว การดำรงตำแหน่งจึงเริ่มใหม่ที่ปี 2560 ถ้าจะอธิบายว่านับแต่ปี 2560 ต้องอธิบายแบบนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าต้องนับแต่ปี 2557 เพราะเขียนว่า ให้คณะรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินต่อเนื่อง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าผลออกมานับแต่ปี 2562 คนอาจจะไม่พอใจ แต่พอจะมีอะไรมาเทียบเคียงการนับแบบนี้ได้หรือไม่
เจษฎ์กล่าวว่า ถ้านับแต่ปี 2562 ก็ใช้มาตรา 158, 159 และ 88 นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ ลงมา นั่นคือ 9 มิถุนายน 2562
ผู้ดำเนินรายการถามว่า คำวินิจฉัยจะออกมาในเร็วๆ นี้หรือไม่
เจษฎ์กล่าวว่า ส่วนตัวคิดอยู่แล้วว่าต้องเร็ว เพราะเหตุบ้านการเมืองไม่ค่อยดีเท่าไร ตกลงตอนนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี และตอนนี้เป็นฤดูหาเสียงแล้วหรือ ใครๆ ก็ลงพื้นที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ลงพื้นที่ พล.อ. ประยุทธ์ก็ลงพื้นที่ ศาลรัฐธรรมนูญก็คงดูแล้วว่าเหตุแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะดูเสมือนบ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวการณ์ที่ไม่ค่อยปกติ
นอกจากนั้น สถานการณ์ที่คนยังมาไล่ 3 ป.อยู่, คณะรัฐมนตรีก็มาจ่อ จึงมีประเด็นเรื่องอำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย ถ้าปล่อยเนิ่นช้าไป เดี๋ยวเรื่องจะไปศาลรัฐธรรมนูญอีก ปล่อยเนิ่นช้าไม่ได้ ตอนนี้รัฐมนตรีหายไปกี่ตำแหน่งแล้ว ฉะนั้นต้องวินิจฉัยออกมาเร็ว ไม่ช้า ไม่น่าจะเกินวันที่ 20 กันยายน หรือไม่เกิน 1 เดือนนับแต่ 24 สิงหาคม
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าคำวินิจฉัยออกมานับแต่ปี 2560 หรือ 2562 จะทำให้ผู้ชุมนุมหรือกลุ่มเคลื่อนไหวแรงขึ้นหรือไม่
เจษฎ์กล่าวว่า ถ้านับแต่ปี 2557 ทางกองแช่งคงหายใจโล่งอก ส่วนกองเชียร์คงเซ็ง แต่ถ้านับแต่ปี 2562 ผู้ชุมนุมจะแรงกว่านับปี 2560 เพราะถ้านับแต่ปี 2562 สมัยต่อไป พล.อ. ประยุทธ์ จะอยู่ได้อีกเกือบครบเทอม ขณะที่ถ้านับแต่ปี 2560 การกลับมาเป็นนายกฯ จะหาเสียงลำบาก ต่อสู้กันเองด้วย ตีกันเองก็ตายแล้ว กลับมาก็เป็นได้แค่ 2 ปี