บทความนี้เปิดเผยเรื่องราวบางส่วนของการแสดง
คอนเสิร์ตคือจุดนัดพบของคนที่มีเรื่องราว ความคิด ความฝัน และเส้นทางที่แตกต่างกันไป มันจึงเป็นสถานที่ที่เติมเต็มทั้งสีสัน และพลังงานชีวิตให้กับผู้ชมมากมาย เช่นเดียวกับคอนเสิร์ต JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR ที่ทำหน้าที่มอบความสุข ความฝัน และพลังชีวิตให้กับผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจ
คอนเสิร์ตครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 25-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยฝีมือของศิลปินชื่อดัง Jackson Wang (แจ็คสันหวัง) หรือที่ใครๆ เรียกว่า ‘พี่แจ็ค’ ที่จัดเต็มทั้งเรื่องราว แสงสีเสียง และการแสดงที่น่าประทับใจ จนเราการันตีได้เลยว่านี่คือหนึ่งในคอนเสิร์ตศิลปินต่างชาติที่ดีที่สุดในปีนี้
การแสดงของแจ็คสันในคอนเสิร์ตนี้ อาจไม่ใช่การแสดงที่เน้นดนตรีสด หรือการปฏิสัมพันธ์กับคนดูแบบที่คุ้นเคย แต่บอกได้เลยว่าตลอดเวลา 3 ชั่วโมงนี้ไม่มีวินาทีไหนเลยที่เรารู้สึกเบื่อหรืออยากละสายตาไปจากโชว์ตรงหน้า แม้ว่าเพลงที่หยิบมาจะเป็นเพลงจังหวะกลางค่อนไปทางช้า หรือเป็นเพลงที่เราไม่สามารถฮัมตามได้
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของคอนเสิร์ตครั้งนี้คงหนีไม่พ้นแสงสีเสียงสุดอลังการ การออกแบบโคโรกราฟจากทีมงานระดับโลกอย่าง KINJAZ และเรื่องราวการกำเนิดขึ้นของ Magic Man ภายในตัวแจ็คสันที่ระทึกและน่าติดตาม จนเหมือนเรานั่งชมมิวสิคัลสักเรื่องกับคนนับหมื่น
“Find Your Own Magic”
การแสดงของ Magic Man เปิดมาด้วยลิฟต์ตัวเดียวกันกับตอนต้นของมิวสิกวิดีโอเพลง Blow ที่ค่อยๆ เลื่อนลงมาตามความสูงของอิมแพ็ค อารีน่า พร้อมกับเสียงร้องและการเต้นของแจ็คสันในเพลงสุดขลังอย่าง 100 Ways ที่นอกจากจะทำให้เราเชื่อมต่อคอนเสิร์ตนี้กับอัลบั้ม Magic Man ได้ดีแล้ว ยังกระตุ้นความตื่นเต้นของคอนเสิร์ตนี้ได้มากโข
การแสดงในช่วงแรกเหมือนจะเล่าเรื่องราวความยากลำบาก และพลังงานสีดำบางอย่างที่พยายามดูดตัวเขาเข้าไปในหลุมดำอันมืดมิด โชว์ตอนนี้เราจึงเห็นแจ็คสันพยายามวิ่งต้านแรงดูดจากหลุมดำอยู่บนพื้นสายพานยาวหลายเมตร แต่จนแล้วจนรอดตัวเขาก็ยังโดนดูดเข้าไปในหลุมดำอยู่ดี
ภายในหลุมดำ การแสดงทำให้เราเห็นการต่อสู้ระหว่างแจ็คสันกับอุปสรรคต่างๆ จนเรื่องราวดำเนินมาถึงพาร์ตที่สอง Abandon หรือ ละทิ้ง ซึ่งพาร์ตนี้น่าจะเล่าถึงตัวเขาที่ต่อสู้จนหลุดออกจากใต้สุดของหลุมดำมาได้ ซึ่งความว้าวของโชว์ในช่วงนี้ก็คือแจ็คสันที่แสดงอยู่บนเวทีหลัก สามารถหายตัวมาอยู่เวทีรองตรงกลางฮอลล์ได้ในเวลาเสี้ยววิ ทำเอาคนดูตาโตไปพร้อมกัน
ถึงจะผ่านด่านแรกมาได้แล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ใช่จุดจบของเรื่องทั้งหมด เพราะอุปสรรคใหญ่ของเขากำลังเริ่มต้นขึ้น ในตอนนี้การแสดงบนเวทีนำเราเข้าไปสู่เพลง Bullet to the Heart, Blue หรือ Dopamine ซึ่งหากเดาไม่ผิดโชว์ช่วงนี้กำลังจะพาทุกคนดำดิ่งไปสู่ความเจ็บปวด ความเหงา และอาการ Mental Health ของแจ็คสัน
ก่อนที่ VTR บนจอกลางฮอลล์จะฉายขึ้นอีกครั้ง ให้เห็นภาพของแจ็คสันหวังในสถานที่แสนมืดมน พร้อมอาการเจ็บปวด สับสน และต่อต้าน เหมือนฉากของหนัง Joker ในตอนที่เริ่มดำดิ่งเต็มทน แต่ในที่สุดแสงสว่างจุดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ลากยาวเป็นเส้นสายสีทองรอบตัว ก่อนที่จะมีมือวิเศษดึงเขาออกมา และแน่นอนว่าพาร์ตต่อไปของการแสดงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในชื่อ Hope (ความหวัง)
การแสดงในพาร์ต Hope จะเริ่มสดใสขึ้น จากพี่แจ็คในชุดสีดำก็เปลี่ยนมาเป็นชุดสีแดง พร้อมร้องเพลงรักหวานๆ อย่าง Let Me Loving You, Love You 3000, Vibe และอื่นๆ ให้เราฟัง พร้อมหยิบผู้โชคดีขึ้นมาเขินม้วนบนเวทีไปกับเขา
และต่อเนื่องมาสู่ช่วงที่สาม เปิดมาด้วย VTR อีกหนึ่งตัวที่หากดูเผินๆ อาจจะเป็นแค่การรวบรวมเรื่องราวของแจ็คสัน หวัง ตั้งแต่เด็กน้อย หวังเจียเอ๋อ (ชื่อภาษาจีนของแจ็คสัน) จนมาเป็นนักกีฬาฟันดาบ เข้าสู่การเป็นศิลปินในนาม GOT7 การทำกิจกรรมในประเทศจีน และการแสดงเวทีใหญ่ยักษ์ที่ผ่านมา
“เราทุกคนเคยเดินผ่านยอดเขา หุบเหว สิ่งกีดขวาง และช่วงเวลาอันมืดมิด วิธีการพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นตัวเองในรูปแบบที่สุดยอดกว่าเดิมนั่นแหละ คือ Magic Man”
คือใจความส่วนหนึ่งของ VTR นี้ วิดีโอที่รวบรวมบทสรุปของสิ่งที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตที่ผ่านมา เรื่องราวชีวิตของแจ็คสัน ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย ความดำดิ่ง ความฝัน ความหวัง และตัวตนของเขาถูกรวบรวมจนกลายเป็นคอนเสิร์ตนี้ VTR ตัวนี้ และคำว่า Magic Man พาร์ตสุดท้ายของงาน ที่อยากจะอวยพรผู้ชมทุกคนตลอดสามคืนนี้ว่า
“All I hope is that everybody here can find your true self and bring somebody that you are proud of in your fields.”
เมื่อเข้าสู่พาร์ต Magic Man เราสารภาพเลยว่าโชว์ตรงหน้าตื่นตาและสนุกทุกวินาที สมกับเวทมนตร์ที่แจ็คสันได้รับมา ส่วนเวทีที่ทุกคนจับตาอย่างกีตาร์ขนาดยักษ์สูงหลายชั้นพร้อมเพลง Cruel และแสง สี เสียง สุดอลังการก็ทำออกมาได้ดีจนน่าขนลุก นอกจากนี้ช่วง Encore ของงานก็ยังสุดเหวี่ยงไปด้วยเพลงรีมิกซ์แบบมันๆ ที่ใครก็ต้องโยกตัวตามจนเหนื่อย
นอกจากความสนุกที่ถูกทิ้งไว้ในตอนท้ายแล้ว เราเชื่อว่าเรื่องราว คำอวยพร และความเชื่อที่แจ็คสันมอบให้ จะยังคงเติมพลังใจและความมั่นใจให้กับทุกคนได้ว่า สักวันเราจะหามนตร์วิเศษของตัวเองเจอ และสามารถเป็นใครสักคนที่เราภูมิใจได้เช่นกัน
“ผมไม่อยากถูกแปะป้าย ไม่ต้องการแท็ก ไม่ต้องการฟิลเตอร์ใดๆ ผมคือผม ผมคือ แจ็คสัน หวัง”
คำพูดบนเวทีคอนเสิร์ตในวันสุดท้ายที่ทำให้เราเข้าใจจริงๆ ว่า การได้เป็นตัวเองสำหรับ แจ็คสัน หวัง นั้นพิเศษและวิเศษแค่ไหน และนั่นคือสาเหตุที่บทความนี้ไม่ได้ใส่คำนิยามใดๆ หลังชื่อของเขานอกจากคำว่า ‘ศิลปิน’
เพราะสุดท้ายนี้ เราเชื่อว่าคอนเสิร์ต JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR คือเครื่องพิสูจน์ตัวตน ความสามารถ และพลังอันเต็มเปี่ยมให้ทุกคนได้รู้ว่า แจ็คสัน หวัง สามารถยืนในฐานะศิลปินได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ต้องมีป้าย ประเภท และแท็กใดๆ มานำหน้า หรือต่อท้ายชื่อของเขาอีกต่อไป
ชมและฟังเพลงในอัลบั้ม Magic Man ได้ทาง
ภาพ: @jacksonwang852g7 /Instagram