Ant Group กำลังวางแผนปรับเปลี่ยนโครงสร้าง โดยจะหยุดการดำเนินงานบางส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินในจีน ซึ่งเป็นการปูทางให้บริษัทสามารถฟื้นฟูแผนการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในฮ่องกง
บริษัทเตรียมยกเลิกการใช้บล็อกเชนบริหารจัดการฐานข้อมูลและธุรกิจระหว่างประเทศ สำหรับธุรกิจหลักที่จะใช้ยื่นขอใบอนุญาตถือครองธุรกิจทางการเงินในประเทศจีน นอกจากนี้บริษัทได้เผยแพร่แผนดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นบางส่วนแล้ว
เมื่อการปรับโครงสร้างเสร็จสิ้น และ Ant ได้รับใบอนุญาตสำหรับบริษัทโฮลดิ้งทางการเงิน บริษัทก็สามารถเตรียมการเสนอขายหุ้น IPO ในฮ่องกงแทนการจดทะเบียนในเซี่ยงไฮ้-ฮ่องกงแบบควบ 2 ตลาด (Dual Listing) ที่เคยดำเนินการในอดีต ก่อนที่ทางการจีนจะแทรกแซงในนาทีสุดท้ายเมื่อปี 2020
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้บทสรุปของการสอบสวนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคที่ก่อตั้งโดย แจ็ค หม่า ที่กินเวลานานเกือบ 3 ปี โดยเรียกเก็บค่าปรับ 7.12 พันล้านหยวน (995 ล้านดอลลาร์) ในเดือนนี้ (กรกฎาคม) ทำให้มูลค่าตลาดของ Ant และ Alibaba Group หายไปประมาณ 8.5 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ต้องหยุดชะงักไป
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า การปรับโครงสร้างครั้งล่าสุดนี้อาจช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ถือหุ้นที่ติดกับดักจากการปราบปรามในอดีต โดยจะได้รับส่วนแบ่งในกิจการที่เหลือจากการดำเนินงานหลักในราคาเล็กน้อย พร้อมเสริมว่าธุรกิจเหล่านั้นต้องใช้เวลาหลายปีในการเติบโต
ในขณะเดียวกัน บริษัทได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้ซื้อหุ้นคืนได้มากถึง 7.6% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าตลาด 2.8 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ในปี 2020 และน้อยกว่ามูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ณ เวลาที่กองทุนระดับโลก เช่น Temasek Holdings และ Carlyle Group ประกาศซื้อเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
Alibaba ซึ่งถือหุ้น 1 ใน 3 ของ Ant ตัดสินใจที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้น โดยกล่าวว่าต้องการรักษาส่วนแบ่งของพันธมิตรที่สำคัญไว้ ด้านบริษัทรัฐจีนบางแห่งที่มีส่วนร่วมในการระดมทุนครั้งก่อนของ Ant เตรียมวางแผนที่จะเข้าร่วมในการซื้อหุ้นคืนด้วยเช่นกัน โดยผู้ถือหุ้นมีเวลาตัดสินใจจนถึงต้นเดือนสิงหาคม
การเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงจะเร็วกว่าในเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากหม่าประกาศว่าตนได้สละสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ Ant เมื่อเดือนมกราคม บริษัทต่างๆ ในเครือจึงไม่สามารถจดทะเบียนในตลาด A-Share ของจีนได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงการควบคุมในบริษัทใน 3 ปีก่อนหน้า หรือใน 2 ปีก่อนหน้า หากต้องการจดทะเบียนในตลาด STAR ของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมุ่งเน้นบริษัทด้านเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงใช้เวลารอคอยเพียง 1 ปีเท่านั้น
อ้างอิง: