เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (10 สิงหาคม) บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส ( IVL ) รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 2.03 หมื่นล้านบาท สูงกว่าตลาดและ SCBS คาดการณ์ไว้ โดยเกิดจาก Core EBITDA/t ที่สูงกว่าคาด และรายได้จากการเคลมประกัน 2.4 พันล้านบาท สำหรับเหตุฟ้าผ่าที่โรงงานอีเทนแครกเกอร์ในสหรัฐฯ
ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 99%YoY และ 25%QoQ โดย Core EBITDA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่ง Core EBITDA/t เพิ่มขึ้นสู่ 198 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อันเป็นผลมาจากการปรับสัญญา PET ระยะยาวในตลาดตะวันตก และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ IOD จากการรับรู้ผลประกอบการของ Oxiteno และมาร์จิ้นที่แข็งแกร่งของ MTBE
นอกจากนี้ IVL ยังบันทึกกำไรจากสินค้าคงเหลือ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ราคาพลังงานที่สูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน Core EBITDA/t ของ IVL เพิ่มขึ้น 49.7%YoY และ 15.6%QoQ โดยได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นของธุรกิจ IOD (เพิ่มขึ้น 80%YoY และ 61%QoQ) โดยเกิดจากส่วนต่างราคา MTBE ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย (หลักๆ คือสารลดแรงตึงผิว) ที่แข็งแกร่ง
ส่วน Core EBITDA/t ของธุรกิจ Combined PET (70% ของปริมาณการขายทั้งหมด) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ หลังจากปรับสัญญา PET ระยะยาวในตลาดตะวันตก เพื่อสะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นใน 1Q65 แต่ถูกหักล้างไปบางส่วนโดย Core EBITDA/t ที่ลดลงของธุรกิจเส้นใย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่ม Lifestyle สืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิดในจีน และผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hygiene โดยมีสาเหตุมาจาก Lag Time ในการปรับราคาเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบ (PP) ที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ Core EBITDA ของ IVL ยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ (Project Olympus) ซึ่งช่วยหนุนให้ EBITDA ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับกำไรจาก Oxiteno แข็งแกร่ง โดย Core EBITDA ของ Oxiteno อยู่ที่ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 2Q65 เทียบกับค่าเฉลี่ยต่อไตรมาสที่ 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และราว 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 1Q65 โดยได้รับสนับสนุนจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานในสหรัฐฯ (Pasadena) และอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายในกลุ่มสินค้าเพื่อที่อยู่อาศัยและสุขอนามัยส่วนบุคคล และสารเคมีเพื่อการเกษตรกรรมที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าจะรับรู้มูลค่า Synergy จากธุรกิจ IOD ในอเมริกาเหนือเพิ่มอีก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2566 และ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 การรวมผลประกอบการของ Oxiteno ช่วยให้ปริมาณการขายของธุรกิจ IOD เพิ่มขึ้น 45%YoY และ 27%QoQ แต่ถูกหักกลบโดยปริมาณการขายที่ลดลงของธุรกิจเส้นใย (ลดลง 9%QoQ) ดังนั้นปริมาณการขายโดยรวมจึงเพิ่มขึ้นเพียง 1% QoQ (เพิ่มขึ้น 6%YoY) สู่ 3.83 ล้านตัน
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ราคาหุ้น IVL ปรับลดลง 3.41%DoD อยู่ที่ระดับ 42.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 0.22%DoD อยู่ที่ระดับ 1,613.67 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS คาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งใน 2H65 โดย Oxiteno จะช่วยสนับสนุนให้กำไรจากธุรกิจ IOD ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ IVL อาจจะเผชิญกับความท้าทายจาก
- การปรับตัวสู่ระดับปกติของส่วนต่างราคา MTBE โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ชะลอตัวลง 2. ราคาพลังงานสูง และที่สำคัญกว่านั้น 3. ปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนค่าระวางที่ค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ
โดยอย่างหลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาพรีเมียมสำหรับส่วนต่างราคา PET ระหว่างตลาดตะวันตกกับตลาดเอเชียกว้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม SCBS ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของ IVL และการเติบโตในระยะยาว เนื่องจาก PET จะยังคงเป็นวัตถุดิบที่ถูกเลือกใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจ IOD ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างสดใส เพราะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีความผันผวนน้อยลง
ทั้งนี้ SCBS ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 18% และปรับราคาเป้าหมาย (สิ้นปี 2566) เพิ่มขึ้นสู่ 66 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/BV 1.7 เท่า และคงเรตติ้ง Outperform
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. อุปสงค์ลดลง 2. การปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ใหม่ได้ต่ำกว่าคาด และ 3. การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP