อิตาลีต้องเล่นถึง 120 นาทีกว่าจะเอาชนะออสเตรียได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นทีมที่ 2 ได้สำเร็จ
ฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม ในกรุงลอนดอน เป็นเกมคู่ที่ 2 โดยอิตาลีแชมป์กลุ่ม A ที่เก็บมาได้ 9 คะแนนเต็มในรอบแบ่งกลุ่ม พบกับออสเตรีย ทีมอันดับที่ 2 ของกลุ่ม C
ครึ่งแรกอิตาลียังมาในรูปแบบเกมเหมือน 3 นัดที่ผ่านมา โดยเดินหน้าบุกใส่และ ไล่บอลตั้งแต่แดนหน้า แม้เกมจะเหนือกว่า แต่ออสเตรียก็ยังต้านทานไว้ได้ตลอด 45 นาที ทำให้จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 0-0
ครึ่งหลังลงมาเล่นเกมก็ยังเหมือนในครึ่งแรก แต่กลายเป็นออสเตรียส่งบอลเข้าประตูได้ก่อน เมื่อ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ได้โหม่งบอลจ่อๆ เข้าไป แต่เมื่อเช็กจาก VAR แล้ว ปรากฏว่าอดีตกองหน้าเวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเสียก่อน แต่หลังจากนั้นออสเตรียก็เริ่มได้ใจและบุกมากขึ้น แม้อิตาลี ะตั้งหลักได้และกลับมาครองเกมอีกครั้งในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ก็ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้จนครบ 90 นาที ทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษออกไป
เริ่มการต่อเวลาได้เพียง 5 นาที อิตาลีก็ออกนำจนได้ เมื่อ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ครอสบอลข้ามฝั่งมาให้ เฟเดริโก เคียซา เอาบอลลงก่อนแตะบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยซ้ายแบบจ่อๆ เป็นประตูอย่างสวยงาม ให้ ‘อัซซูรี’ ขึ้นนำก่อน และในนาทีที่ 105 เคียซาก็มาไหลให้ มัตเตโอ เปสซินา หลุดไปซัดด้วยซ้ายแบบจ่อๆ ให้อิตาลีนำห่าง 2-0 เมื่อหมด 15 นาทีแรกของช่วงต่อเวลา
ช่วงต่อเวลาในครึ่งหลัง ออสเตรียพยายามเปลี่ยนตัวเอานักเตะตัวใหญ่ๆ ลงมาและได้ผล เมื่อมาได้ประตูจากลูกเตะมุมโดย ซาซา คาลัดจ์ซิช ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก้มโหม่งให้ออสเตรียไล่มาในนาทีที่ 114 แต่ก็ไล่ไม่ทัน ทำให้จบเกม อิตาลีเอาชนะออสเตรีย ไป 2-1
ถึงจะเสียประตูแรกในทัวร์นาเมนต์ แต่อิตาลีก็ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอพบกับผู้ชนะระหว่างเบลเยียมกับโปรตุเกสต่อไป
MAN OF THE MATCH: เฟเดริโก เคียซา (อิตาลี)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
