*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์*
ความเจ็บปวดของพี่ชายคนโตที่ปล่อยให้น้องคนสุดท้ายอดตาย เพราะไม่มีข้าวกิน น้องอีก 2 คน ต้องกินอาหารบูดข้างถนนจนเสียชีวิต เพราะอาหารเป็นพิษ คือแรงขับเคลื่อนสำคัญทำให้ ชางแดฮี (ยูแจมยอง) หนึ่งในตัวละครสำคัญจากซีรีส์ Itaewon Class ลุกขึ้นมาเปิดร้านข้าวต้มเล็กๆ ใต้สะพาน ด้วยความหวังที่ว่า ‘ครอบครัว’ ของเขาจะต้องมีอาหารดีๆ ไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป
เมื่อครั้งที่ยังเต็มไปด้วยความฝัน เขาคือนักธุรกิจหนุ่มที่ปลอบโยนผู้คนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วย ‘หมูผัดซอสโคชูจัง’ เมนูรสชาติยอดเยี่ยมในราคาที่ย่อมเยา จนวันหนึ่ง ‘ชางกา’ เติบโตกลายเป็นบริษัทร้านอาหารอันดับ 1 ของเกาหลี ชางแดฮี ผู้ยึดมั่นในหลักการ ‘ปลาใหญ่กินปลาเล็ก’ ก็เติบโตกลายเป็นนักธุรกิจจอมเขี้ยว ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อรักษาการเป็นที่หนึ่งเอาไว้ให้นานที่สุด
และปลูกเมล็ดพันธุ์แห่ง ‘ชัยชนะ’ ที่เต็มไปด้วย ‘ความเข้มงวด’ ลงไปที่ ชางกึนวอน (อันโบฮยอน) ลูกชายคนโต และรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยเคมีที่เรียกว่า ‘อำนาจ’ เร่งการเจริญเติบโตจน ชางกึนวอน กลายเป็นต้นกล้าที่บิดเบี้ยว ใช้ความสำเร็จ เงินทอง และอำนาจจากพ่อ ทำตัวเกะกะระราน เพราะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง
‘กฎของโรงเรียนคือ ชางกึนวอน’
ชางกึนวอน ใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียนหมดไปกับความฟุ่มเฟือย, อวดรถหรู, จีบ โอซูอา (ควอนนารา) ที่ตัวเองแอบชอบ, ทำร้าย อีโฮจิน (อีเดวิด) เพื่อนร่วมห้อง เพราะเรื่องนมจืด ฯลฯ แม้แต่อาจารย์ก็ต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
ชีวิตของเขาคงสบายกว่านี้ ถ้าไม่มีหมัดของ พัคแซรอย (พัคซอจุน) มากระแทกอย่างจังเข้าที่หน้า เพราะไม่เชื่อในกฎจอมปลอมที่ ชางกึนวอน สถาปนาขึ้น และกลายเป็น ‘จุดเริ่มต้น’ ของสงครามอันยาวนานระหว่าง ‘ชางกา’ และ ‘ทันบัม’
ชางแดฮี ปรากฏตัวครั้งแรกในฉากที่ พัคแซรอย ถูกลงโทษอยู่ในห้องปกครอง เราไม่แน่ใจนักว่า การที่พยายามให้ พัคแซรอย คุกเข่าขอโทษ ชางกึนวอน จะเรียกว่าการแสดงออกซึ่ง ‘ความรัก’ ที่พ่อมีให้ต่อลูกได้ไหม หรือเป็นเพียงการอัดฉีดปุ๋ยเคมีฤทธิ์รุนแรงว่า ทุกคนจะต้องยอมสยบให้ทายาทแห่งชางกาเสมอ และกลายเป็น ‘คำสาป’ ที่ทำให้ใครก็ตามที่ใช้ชื่อนี้ จะไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างที่ตัวเองต้องการได้อีกต่อไป
แน่นอนว่า เด็กชายหัวเกาลัดที่ไม่ยอมให้หัวเข่าเปื้อนฝุ่นต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน ส่วน ชางกึนวอน ก็ยังใช้ชีวิตแบบผิดรูปผิดรอยต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเกิดอุบัติเหตุ เป็นอีกครั้งที่ ชางแดฮี ต้องใช้อำนาจเข้ามาช่วยปกปิด คราวนี้ พัคแซรอย ถูกไล่ให้ไปใช้ชีวิตในคุก
แต่แทนที่จะเป็นโอกาสให้สำนึกผิด ชางกึนวอน กลับถูกพ่อแท้ๆ สั่งสอนว่า “เป็นลูกฉัน เป็นทายาทชางกา ห้ามรู้สึกผิดเวลากินหมูหรือไก่”
ชางกึนวอน ดูเหมือนจะเติบโตและหลอมรวมคติแห่ง ‘ชางกา’ ของพ่อเอาไว้ในหัว หากแต่ภายในจิตใจของเขาบิดเบี้ยวมากขึ้นยิ่งกว่ากระดูกคอไก่ที่เพิ่งแหลกคามือเขาไปไม่นาน
กระทั่งวันที่ พัคแซรอย กลับมาเปิดศึกเพื่อล้างแค้นอย่างเต็มตัว เมล็ดพันธุ์ที่ ชางแดฮี หว่านเอาไว้ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ก็เติบโตขึ้นมาจนเขาไม่อาจควบคุม แม้ว่าเขาจะพยายามใช้ทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะถูกหรือผิดแล้วก็ตาม
ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นของ พัคแซรอย ที่ทำให้เขากลับมาพร้อมเงินทุนมหาศาล ที่ได้ความช่วยเหลือจาก อีโฮจิน เด็กหงอที่เคยถูก ชางกึนวอน แกล้ง จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน พร้อมกับสมาชิกร้านทันบัมที่เต็มไปด้วยความสามารถหลากหลาย โดยเฉพาะ โชอีซอ (คิมดามี) ที่พร้อมทำทุกอย่างให้ พัคแซรอย แก้แค้นได้สำเร็จ
เมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวของ โอซูอา ที่ยอมรับทุนการศึกษา เข้าทำงานกับบริษัทชางกา สุดท้ายจากคนที่ ชางแดฮี เคยเชื่อ ใช้อำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง กลับเป็นส่วนสำคัญในการทำลายล้างเขา ด้วยความลับที่เธอแอบเก็บข้อมูลทุกอย่างของบริษัทเอาไว้ตลอดเวลาสิบกว่าปี
เมล็ดพันธุ์ความรักที่บิดเบี้ยวในใจของ ชางกึนวอน ที่ยอมเข้าคุก ยอมรับความผิด เพราะหลงเชื่อใน ‘อ้อมกอด’ ครั้งแรกของคนเป็นพ่อ และเมื่อกลับมาอีกครั้งในช่วงที่ชางกากำลังย่ำแย่ เขาก็ยังตัดสินใจใช้กำลังและอำนาจเพื่อแก้ปัญหา เพราะยังยึดคำสอนเรื่อง ‘ไก่’ ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก
รวมทั้งเมล็ดพันธุ์แห่ง ‘ความเฉยชา’ ที่ปลูกเอาไว้ในตัวลูกชายนอกสมรส ทำให้เด็กที่มีความสามารถอย่าง ชางกึนซู (คิมดงฮี) กลายเป็นคนใช้ชีวิตไปวันๆ ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน จนต้องมาค้นพบต้นแบบและ ‘ที่พึ่ง’ จาก พัคแซรอย ศัตรูอันดับหนึ่งของชางกา
สิ่งที่น่าเจ็บปวดคือ ครั้งแรกที่ ชางกึนซู มีเป้าหมายที่อยากทะเยอทะยานไปให้ถึงจากคำพูดของ โชอีซอ ที่เขาแอบรักมาตลอด บอกให้เขากลับไปยึดบริษัทชางกาให้ได้ และเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น สิ่งเดียวที่เขานึกได้คือ ถ้าอยากยึดชางกา ก็ต้องเป็นแบบชางกา และเขารู้ดีว่า แค่มีความสามารถอย่างเดียวยังไม่พอ
จาก ‘นายทึ่ม’ ที่ไม่เคยอยากได้อะไร กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อผลลัพธ์ เขากดดันหัวหน้าพ่อครัวอย่างหนักตอนแข่งรายการทำอาหาร, ทั้งที่คิดว่า มาฮยอนอี (อีจูยอง) คือพี่สาวเพียงคนเดียว แต่เขาก็ยังส่งข้อมูลเรื่องที่เธอเป็นทรานส์เจนเดอร์ให้นักข่าว เพื่อให้ทันบัมแพ้การแข่งขัน, ใช้มิตรภาพในวันเก่าติดต่อกับ ชเวซึงกวอน (รยูคยองซู) เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัท IC หรือตอนที่รู้ว่าพ่อป่วย เขาก็ยังเลือกที่จะปิดข่าว เพราะกลัวว่าหุ้นบริษัทจะตก ฯลฯ
“ทุกอย่างก็เพื่อชางกา สร้างขึ้นมาได้เหมือนกันเป๊ะเลยนะครับ”
แม้กระทั่ง ชางกึนวอน ยังยอมรับว่า ชางแดฮี สร้างให้ลูกชายนอกสมรสเป็นทายาทของชางกาได้เหมือนกับพ่อ ยิ่งกว่าลูกชายคนโตที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กเสียอีก
หากแต่คำพูดในช่วงสุดท้ายของ ชางกึนซู คือคำตอบที่บอกให้เรารู้ว่า ‘คำสาป’ แห่งชางกาที่สาปพวกเขาเอาไว้ไม่ได้มีแค่นั้น
“ดูเหมือนเชื้อจะไม่ทิ้งแถวเลยนะ สมเป็นพี่น้องกันจริงๆ เพราะเราเลือกวิธีผิดเสมอ”
ชางกึนวอน เลือกดำเนินชีวิตภายใต้อำนาจและร่มเงาของพ่อ จนกลายเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าใกล้ โอซูอา ผู้หญิงที่เขารักมาตลอด
ชางกึนซู ที่ยิ่งเขาเข้าใกล้ความเป็น ‘ชางกา’ ใกล้ยึดบริษัทตามเป้าหมายมากเท่าไร เขาก็ยิ่งห่างไกลจาก ‘ทันบัม’ ที่เคยเป็นอีกหนึ่งครอบครัว รวมทั้ง โชอีซอ หญิงสาวที่เขารักมากขึ้นทุกที
ชางแดฮี นับตั้งแต่วันที่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการทำทุกอย่างเพื่อให้หัวเข่าของ พัคแซรอย ติดกับพื้น เขาก็ไม่อาจทำตามเป้าหมายดั้งเดิมที่ว่า เขาเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อ ‘ครอบครัว’ ได้อีกต่อไป
สุดท้าย หลังที่โค้งงอ ร่างกายที่สั่นเทา หัวเข่าที่แนบติดพื้นจนไม่อาจลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองไหวของชายชราที่หลั่งน้ำตาออกมาอย่างสิ้นหวัง ก็เป็นผลลัพธ์แห่งความล่มสลาย จาก ‘คำสาป’ แห่งชางกา ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
ภาพ: JTBC และ Netflix
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล