อิสราเอล โจมตีตอนใต้ กาซา เสียชีวิตนับสิบ ฮามาสเตือนทำลายเจรจาปล่อยตัวประกัน

กองทัพอิสราเอลเปิดเผยวันนี้ (12 กุมภาพันธ์) ว่า ได้ปฏิบัติการโจมตีอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา รวมถึงเมืองราฟาห์ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่กว่า 1.5 ล้านคน โดยได้สั่งการให้พลเรือนอพยพออกจากพื้นที่ก่อนการโจมตี แต่ไม่มีการเตรียมแผนอพยพที่ชัดเจน

เบื้องต้นมีรายงานว่า อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศในพื้นที่ดังกล่าวอย่างน้อย ‘หลายสิบครั้ง’ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน จากการทิ้งระเบิดโจมตีเมืองราฟาห์อย่างหนักหน่วง

การโจมตีระลอกล่าสุดนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางคำเตือนจากนานาชาติที่กังวลต่อการโจมตีเมืองราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุดของกาซา โดยองค์การสหประชาชาติชี้ว่า ชาวปาเลสไตน์เหล่านี้ไม่มีที่ปลอดภัยให้อพยพไป

ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ต่อสายตรงคุยกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลวานนี้ (11 กุมภาพันธ์) โดยบอกว่าปฏิบัติการโจมตีในราฟาห์ไม่ควรเกิดขึ้นหากปราศจากมาตรการ เพื่อให้แน่ใจว่าพลเรือนจะปลอดภัย พร้อมทั้งชี้ว่า อิสราเอลต้องการแผนที่สามารถเชื่อถือและดำเนินการได้ เพื่อคุ้มครองพลเรือนนับล้าน

ด้าน เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เตือนว่าเมืองราฟาห์มีประชากรกว่าครึ่งของกาซาอพยพหนีการสู้รบมาอาศัยอยู่

โดยซาอุดีอาระเบียเตือนว่า อิสราเอลจะเผชิญการตอบโต้ที่ร้ายแรงอย่างมาก หากมีการบุกเมืองราฟาห์

อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮูบอกกับไบเดนว่าจะเดินหน้าการโจมตี และได้มีการเตรียมแผนดำเนินการไว้แล้ว ซึ่งล่าสุดทางกองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ปฏิบัติการโจมตีที่พุ่งเป้าไปยังเขตชาโบราในราฟาห์นั้นจบลงแล้ว และเผยว่าสามารถช่วยตัวประกัน 2 คน ออกมาจากเมืองนี้ โดยเป็นชายชาวอิสราเอลวัย 60 และ 70 ปี ที่ถูกจับไปจากเมืองคิบบุตซ์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทั้งสองแข็งแรงดี

ทางด้านสถานีโทรทัศน์ Al-Aqsa อ้างข้อความจากหนึ่งในผู้นำอาวุโสของกลุ่มฮามาส เตือนว่า หากอิสราเอลปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ จะส่งผลทำลายการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษปาเลสไตน์ที่กำลังดำเนินการอยู่

ภาพ: REUTERS / Bassam Masoud

อ้างอิง: