แหล่งข่าวด้านกลาโหมเผยว่า อิสราเอลเริ่มถอนกองกำลังออกจากค่ายผู้ลี้ภัยเจนินในเขตเวสต์แบงก์แล้ว หลังปฏิบัติภารกิจจู่โจมและปะทะเดือดกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ในพื้นที่ดังกล่าวนาน 2 วัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน เป็นชาวปาเลสไตน์ 12 คน และเป็นทหารอิสราเอลจำนวน 1 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยกองกำลังอิสราเอลเริ่มเปิดฉากโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศ ถล่มใส่กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ภายในค่ายผู้ลี้ภัยเจนินอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะตัดสินใจถอนกำลังในท้ายที่สุด
ทางการอิสราเอลเผยว่า ขณะที่กองกำลังอิสราเอลกำลังปฏิบัติการทหารในค่ายเจนิน ชาวปาเลสไตน์รายหนึ่งจากเขตเวสต์แบงก์ได้ขับรถยนต์พุ่งชนกลุ่มคนเดินเท้า ก่อนที่จะใช้อาวุธไล่แทงผู้คนในเมืองเทลอาวีฟของอิสราเอล เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 7 คน
ด้าน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่า “ใครก็ตามที่คิดว่าการโจมตีดังกล่าวจะขัดขวางไม่ให้เราต่อสู้กับการก่อการร้ายต่อไปในอนาคต ถือว่าคิดผิด” พร้อมทั้งยังเผยว่า กองกำลังอิสราเอลกำลังจะเสร็จสิ้นภารกิจในเมืองเจนิน และประกาศเตือนว่านี่จะไม่ใช่ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายเพียงครั้งเดียวของกองกำลังอิสราเอล
ขณะที่บรรดาผู้นำระดับสูงของปาเลสไตน์ต่างประณามปฏิบัติการดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการรุกรานจากอิสราเอล
ก่อนหน้านี้โฆษกหน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติแสดงความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับการโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองเจนินที่มีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น หวั่นเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ และหวังว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะคลี่คลายลงโดยเร็ว
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรถพยาบาลของปาเลสไตน์ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในค่ายเจนิน ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบาดบางส่วนอาจเข้าถึงกระบวนการรักษาและปฐมพยาบาลเบื้องต้นล่าช้า คาดว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 คน ในจำนวน 30 คน อาการอยู่ในขั้นวิกฤต
ภาพ: Ronaldo Schemidt / AFP
อ้างอิง: