นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Heartstopper ซีรีส์ Coming of Age สุดน่ารัก ที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพชื่อเดียวกัน โดย Alice Oseman ถ่ายทอดเรื่องราวความว้าวุ่นบนความสวยงามของการใช้ชีวิต และการเป็นหนึ่งในชุมชนชาว LGBTQ+ จนขึ้นแท่นซีรีส์วัยรุ่นที่มาแรงที่สุดในขณะนี้
แถมยังแจ้งเกิดทีมนักแสดงนำของเรื่องกันไปอย่างถ้วนหน้า รวมไปถึงเหล่าตัวละครอื่นๆ ที่มาสร้างสีสันและเติมความอบอุ่นหัวใจกับซีรีส์ โดยเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนสนิทของ Charlie Spring (รับบทโดย Joe Locke) อย่าง Elle Argent (รับบทโดย Yasmin Finney), Tao Xu (รับบทโดย William Gao) และ Isaac Henderson (รับบทโดย Tobie Donovan) ที่แต่ละคนต่างก็มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน และแทบจะแย่งซีนได้เกือบทุกครั้งที่ปรากฏตัว
โดยเฉพาะกับ Isaac ที่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้ม แฝงความเป็นอินโทรเวิร์ตที่เข้าใจเพื่อน ดูเป็นคนเงียบๆ พูดน้อยแต่ต่อยหนัก และทุกครั้งที่พูด ทุกอย่างก็ฟังดูมีเหตุผลไปเสียหมด เขามีเพื่อนสนิทอีกคนอย่าง ‘หนังสือ’ ที่จะต้องติดมือเขาอยู่ตลอดในทุกฉาก ตั้งแต่มังงะ เรื่องความหลากหลายทางเพศ ยันปัญหาโลกร้อน ที่ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นที่มาในคำตอบของเขาก็ได้
เราเลยขอรวบรวมหนังสือทั้ง 10 เล่มที่ปรากฏในซีรีส์ Heartstopper ทั้ง 8 อีพีของซีซัน 1 มาเล่าให้ฟัง เผื่อหากใครสนใจจะได้ไปหยิบมาอ่านตามกันได้เลย
ชื่อหนังสือ: Naruto
ผู้เขียน: Masashi Kishimoto
ผู้แปล: อิศเรศ ทองปัสโณว์
สำนักพิมพ์: NED Club
เล่มจบของมหากาพย์มังงะระดับตำนาน นารูโตะ หรือ นินจาคาถา โอ้โฮเฮะ ที่หลังจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นถูกเผยแพร่ในปี 1999 โดยปรมาจารย์ด้านมังงะชื่อดัง Masashi Kishimoto นารูโตะ ก็ได้รับการแปลไปกว่า 10 ภาษา และวางขายอีกกว่า 90 ประเทศทั่วโลก แถมยังได้รับการดัดแปลงไปเป็นแอนิเมชัน เกม และภาพยนตร์อีกมากมายหลายตอน
ความโดดเด่นของ นารูโตะ แน่นอนว่าต้องเป็นรายละเอียดของวิถีนินจา เวทมนตร์ ศาสนา ความเชื่อ และวัฒนธรรมโบราณ ที่ผสมผสานระหว่างโลกจินตนาการและโลกแห่งความเป็นจริงไว้อย่างลงตัว
ในส่วนของฉบับภาษาไทยก็ได้รับการแปลและตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ Boom ก่อนจะออกมาในรูปแบบหนังสือการ์ตูนทั้ง 72 เล่ม เล่มสุดท้ายออกวางขายไปเมื่อปี 2562 แต่ปัจจุบันก็ยังคงหาซื้อได้อยู่
ชื่อหนังสือ: There is no Planet B
ผู้เขียน: Mike Berners-Lee
สำนักพิมพ์: Cambridge University Press
หากดูจากชื่อหนังสือก็คงคิดว่าเป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในโลกใบเดียวของมนุษย์ ซึ่งทุกคนคงตระหนักดีอยู่แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป
แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นขึ้นมาก็คือการหยิบยกตัวอย่างจากสาเหตุ ปัญหา และผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะปิดด้วยแนวทางการปฏิบัติตัวที่ว่าง่ายๆ แล้วก็เกือบจะเป็นฮาวทูดูแลโลกที่เปรียบเสมือนบ้านหลังเดียวของเราทุกคน ที่ผู้อ่านสามารถปฏิบัติตามได้ทันทีหลังจากอ่านจบ
ชื่อหนังสือ: Gender Explorers
ผู้เขียน: Juno Roche
สำนักพิมพ์: Jessica Kingsley
บทบันทึกการสนทนาระหว่างตัวผู้เขียนและนักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวทรานส์ กับเหล่าเด็กและวัยรุ่นชาวทรานส์ ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวความสับสน และการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเติมแรงบันดาลใจ เปรียบเสมือนกับแสงสว่างในชีวิตของเด็กทรานส์หลายคน
สำหรับเล่มนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Isaac ถึงหยิบมาอ่าน เพราะตัว Heartstopper เองก็ไม่ได้บอกเล่าแค่เฉพาะเรื่องของชายรักชายแต่ยังครอบคลุมทุกเพศสภาพ ที่เน้นย้ำการเฉลิมฉลองความสวยงามของทุกชีวิต
ชื่อหนังสือ: Radio Silence
ผู้เขียน: Alice Oseman
สำนักพิมพ์: HarperCollins Publishers
สำหรับหนังสือเล่มนี้จะว่าเป็นอีสเตอร์น่ารักๆ ในซีรีส์ Heartstopper ก็ย่อมได้ เพราะ Radio Silence คือนิยายลำดับที่ 2 ของ Alice Oseman หลังจาก Heartstopper ประสบความสำเร็จไปอย่างสูงก่อนหน้า ซึ่งเล่มนี้เธอยังสามารถคงความอบอุ่นหัวใจผ่านตัวหนังสือ
ด้วยความเข้าใจถึงความเป็นวัยรุ่นเป็นอย่างดีแบบ Coming of Age แนวถนัด ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกเด็กวัยรุ่นทุกคนก็คงจะหนีไม่พ้นความคิดจากระบบการศึกษา ที่ฝังหัวมาอย่างยาวนานว่า ถ้าทำเกรดได้ไม่ดีชีวิตข้างหน้าก็คงจะไม่ต่างกัน นอกจากนี้เธอยังเบสเรื่องราวด้วยความกลัวที่มาพร้อมกับการเติบโต การค้นหาตัวเอง และก้าวผ่านปมในใจ พร้อมความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงในรูปแบบของเพื่อนสนิท
ชื่อหนังสือ: Pride and Prejudice (สาวทรงเสน่ห์)
ผู้เขียน: Jane Austen
ผู้แปล: จูเลียต (ชนิด สายประดิษฐ์)
สำนักพิมพ์: แสงดาว
หนึ่งในนิยายคลาสสิกที่ได้รับการเผยแพร่ตั้งแต่ปี 1813 ของ Jane Austen ที่ทุกคนต้องเคยได้อ่านกันสักครั้ง หรือไม่ก็คงจะเห็นผ่านตาจากเวอร์ชันที่นำไปทำเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันเมื่อปี 2005 แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศของความรัก ความสวยงาม และความต่างชนชั้นทางสังคมของยุครีเจนซี ล้วนแต่เป็นสิ่งที่โอบล้อมบรรยากาศของความเป็นจริงในยุคไว้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะกับการพูดถึงบทบาทของชายและหญิงในยุคนั้น ที่อาจจะเกี่ยวเนื่องมาถึงบทบาทและหน้าที่ของแต่ละเพศสภาพในสังคมทุกวันนี้
สำหรับฉบับภาษาไทยได้รับการแปลโดย ‘ชนิด สายประดิษฐ์’ หรือ ‘จูเลียต’ เมื่อปี 1950 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในการแปลที่ละเมียดละไม และคงความสวยงามของภาษาไว้อย่างครบถ้วน
ชื่อหนังสือ: Proud: My Autobiography
ผู้เขียน: Gareth Thomas, Michael Calvin
สำนักพิมพ์: Ebury
ในขณะที่ทีมรักบี้แห่งโรงเรียนมัธยมศึกษาชายล้วน Truham กำลังลงแข่งขันพร้อมกับแต้มที่โดนฝั่งตรงข้ามทิ้งห่างอย่างไม่เห็นฝุ่น ภาพตัดมาที่ข้างสนามขณะที่เพื่อนๆ กำลังยืนเชียร์ Charlie และ Nick อยู่ พ่อหนุ่ม Isaac ของเราก็ได้แต่ยืนอ่านหนังสือ และหนังสือที่เขาอ่านก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย
เพราะเล่มที่อยู่ในมือคืออัตชีวประวัติของ Gareth Thomas อดีตนักกีฬารักบี้และกัปตันทีมชาติเวลส์ชื่อดัง ที่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นเกย์ หลังจากที่ต้องเก็บซ่อนความลับ และอิสรภาพแห่งการเป็นตัวเองมานานหลายปี ทำให้เขานับว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงมากที่สุดที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
ชื่อหนังสือ: Quantum Mechanics: The Theoretical Minimum
ผู้เขียน: Leonard Susskind & Art Friedman
สำนักพิมพ์: Penguin
แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้คงไม่ใช่สำหรับทุกคนแน่ๆ แต่ถ้าใครที่ชื่นชอบกลศาสตร์ควอนตัม เหล่าทฤษฎีทางฟิสิกส์ต่างๆ หรือเป็นหนอนหนังสือตัวยง และอยากจะท้าทายตัวเองก็คงจะถูกใจไม่น้อย เพราะนักฟิสิกส์อย่าง Leonard Susskind จับมือกับวิศวกรข้อมูล มาร่วมกันอธิบายถึงแนวคิดและตรรกะที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขและการคำนวณอย่างเข้าใจง่าย พร้อมบททดสอบแบบค่อยเป็นค่อยไปให้คุณได้ร่วมทำไปด้วย โดยความตั้งใจของพวกเขาต้องการให้เรื่องที่ซับซ้อนเข้าใจได้ง่ายมากที่สุดเท่าที่จะง่ายได้
ชื่อหนังสือ: The Time Traveler’s Wife (ความรักของนักท่องเวลา)
ผู้เขียน: Audrey Niffenegger
ผู้แปล: นันทวัน เติมแสงสิริศักดิ์
สำนักพิมพ์: บลิส พับลิชชิ่ง
เรื่องราวของความรักระหว่างชายหญิง ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของคนสองคนมาเจอกันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง ‘เวลา’ และ ‘ชีวิต’ ที่กลายมาเป็นตัวแปรหลักในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เมื่อ Henry สามารถเดินทางข้ามเวลาได้อย่างไร้การควบคุม ในขณะที่ Clare กลับรู้จักเขาตั้งแต่เธอยังเด็กและแทบจะในทุกช่วงเวลาที่เธอเติบโตขึ้นมา ความโดดเด่นคือการหยิบเอาหลักการที่ซับซ้อนและชวนงงไม่น้อยในเรื่องของเวลามาเล่าไปพร้อมกับความโรแมนติกที่คุ้นเคยได้อย่างแนบเนียนและลงตัว
หลังจากนิยายเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2003 ก็มาพร้อมกับคำชมและเสียงวิจารณ์อย่างท่วมท้น นอกจากนี้ยังถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 2009 และซีรีส์ที่กำลังจะออกฉายในเดือนพฤษภาคมนี้ทาง HBO Max
ชื่อหนังสือ: Dune Messiah
ผู้เขียน: Frank Herbert
สำนักพิมพ์: Ace Books
นิยายเล่มที่สองในซีรีส์นิยายไซไฟต้นฉบับทั้ง 6 เล่ม ตีพิมพ์เมื่อปี 1969 โดยในเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องราว 12 ปีให้หลังในจักรวาล Dune หลังจากที่ Paul Atreides ขึ้นปกครองอาณาจักรทะเลทราย ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศของความเป็นไซไฟระดับตำนานและรายละเอียดของเรื่องราว ทั้งประเด็นเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ ปรัชญา และศาสนายังคงถูกสอดแทรกไว้อย่างหนาแน่น
ซึ่งประเด็นในเล่มนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์ Dune ภาค 2 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการโปร์ดักชัน เพราะในภาคต่อจะว่าด้วยเรื่องราวจากครึ่งหลังของหนังสือเล่มแรก แต่ทางผู้กำกับของเรื่องอย่าง Denis Villeneuve เองก็เคยออกมาเผยว่า อยากจะนำเส้นเรื่องเล่มที่ 2 นี้ไปไว้ในภาคที่ 3 ของเส้นเรื่องในแบบฉบับของเขาถ้ามีโอกาส
ชื่อหนังสือ: A Good Girl’s Guide to Murder
ผู้เขียน: Holly Jackson
สำนักพิมพ์: HarperCollins Publishers
5 ปีก่อนหน้า นักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกฆาตกรรม ตำรวจรู้ว่าใครเป็นลงมือ คนทั้งเมืองรู้ว่าใครเป็นฆาตกร และคดีก็ได้รับการสรุปเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับ Pippa Fitz-Amobi กลับไม่มั่นใจ ว่าฆาตกรคือคนเดียวกับที่ทุกคนเชื่อ และเมื่อเธอเริ่มออกค้นหาความจริง ความลับต่างๆ ของทุกคนในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา
ด้วยบรรยากาศของการเป็นนิยายแนวสืบสวน แน่นอนว่าเมื่อคุณอ่านหนึ่งหน้าจบ สมองก็จะสั่งให้เปิดหน้าต่อไปทันทีเพื่อค้นหาคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และนี่ก็อาจเป็นคำตอบว่าทำไมนิยายเล่มนี้ถึงได้รับรางวัลการันตีมากมายนับตั้งแต่ออกมาจำหน่ายเมื่อปี 2019
ภาพ: Netflix, Book Publishers
อ้างอิง:
