×

ครองตลาด 42% ก็ไม่รอด! iRobot ยื่นล้มละลาย ปิดตำนานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roomba เตรียมเปลี่ยนมือสู่บริษัทจีน

16.12.2025
  • LOADING...
ครองตลาด 42% ก็ไม่รอด iRobot ยื่นล้มละลาย ปิดตำนานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roomba เตรียมเปลี่ยนมือสู่บริษัทจีน

iRobot บริษัทผู้ผลิตและเจ้าของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นชื่อดังแบรนด์ ‘Roomba’ ได้ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายตามมาตรา 11 (Chapter 11) ต่อศาลในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยบริษัทเตรียมเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทเอกชนหลังจากกระบวนการเข้าซื้อกิจการโดย Picea Robotics เสร็จสิ้น ซึ่ง Picea เป็นบริษัทสัญชาติจีนและเป็นโรงงานคู่สัญญาหลักที่รับจ้างผลิตสินค้าให้กับ iRobot มาโดยตลอด

 

สถานการณ์ของบริษัทเข้าขั้นวิกฤตจากการแข่งขันที่รุนแรงและปัญหากำแพงภาษี แม้ในปี 2024 บริษัทจะมีรายได้รวมประมาณ 682 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 21,469 ล้านบาท) แต่ผลกำไรกลับลดลงอย่างมากจากการถูกแย่งชิงฐานลูกค้าโดยแบรนด์คู่แข่งจากจีนอย่าง Ecovacs Robotics ที่ทำราคาได้ต่ำกว่า

 

แม้ปัจจุบัน iRobot จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 42% ในสหรัฐฯ และ 65% ในญี่ปุ่น แต่การรักษาสถานะผู้นำตลาดทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดราคาสินค้าลงเพื่อสู้กับคู่แข่ง และต้องลงทุนมหาศาลเพื่อยกระดับเทคโนโลยี ตามข้อมูลที่ระบุในเอกสารยื่นล้มละลาย ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ มาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ ยังซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง โดยเฉพาะการเก็บภาษี 46% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของ iRobot การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นถึง 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 724 ล้านบาท) ในปี 2025 และทำให้การวางแผนธุรกิจในอนาคตเป็นไปอย่างยากลำบาก

 

ก่อนหน้านี้ iRobot เคยมีความหวังที่จะฟื้นตัวผ่านการถูกเข้าซื้อกิจการโดย Amazon.com ด้วยมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 53,516 ล้านบาท) แต่ดีลดังกล่าวต้องล่มไปในปีที่แล้ว โดย Amazon ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ ‘อุปสรรคทางกฎระเบียบที่มากเกินความจำเป็น’ หลังจากสหภาพยุโรปคัดค้านดีลนี้

 

ความล้มเหลวของดีล Amazon ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาระหนี้สินของ iRobot สาเหตุมาจากในช่วงที่รอการพิจารณาดีลซึ่งกินเวลานาน บริษัทจำเป็นต้องกู้เงินก้อนใหญ่ในปี 2023 มาเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการ แต่เมื่อดีลล่มลงและไม่ได้รับเงินทุนจาก Amazon ตามที่คาดไว้ เงินกู้ก้อนนั้นจึงกลายเป็นหนี้สินคงค้างมูลค่ากว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,981 ล้านบาท) ที่บริษัทแบกรับไม่ไหว

 

เมื่อแผนการขายกิจการล้มเหลวและ iRobot เริ่มขาดสภาพคล่องในการชำระเงินค่าจ้างผลิตให้กับ Picea ทางบริษัทจีนรายนี้จึงแก้ปัญหาด้วยการเข้าซื้อหนี้ของ iRobot ต่อจากกลุ่มกองทุน Carlyle Group ทำให้ผู้ผลิตรายนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของ iRobot แทน

 

ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ Picea จะเข้ามาถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท 100% โดยแลกกับการยกเลิกหนี้เงินกู้ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้ค่าจ้างผลิตอีก 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,329 ล้านบาท) ที่ iRobot ติดค้างอยู่ ส่วนเจ้าหนี้รายอื่นและซัพพลายเออร์จะได้รับชำระเงินเต็มจำนวนตามปกติ

 

ครั้งหนึ่งมูลค่าของ iRobot ที่เคยพุ่งสูงถึง 3.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.12 แสนล้านบาท) ในช่วงปี 2021 แต่ปัจจุบันประเมินว่าเหลือมูลค่าเพียงราว 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,407 ล้านบาท) เท่านั้น

 

แกรี่ โคเฮน ซีอีโอของ iRobot กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของเรา และจะช่วยให้เราดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง” โดยบริษัทยืนยันว่าระหว่างกระบวนการนี้ การใช้งานแอปพลิเคชัน, การบริการลูกค้า และการสนับสนุนสินค้าจะยังคงดำเนินไปตามปกติ

 

บริษัทคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการล้มละลายภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2026 และจะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากยุคของผู้บุกเบิกวงการหุ่นยนต์ที่ก่อตั้งในปี 1990 โดยศิษย์เก่าจาก MIT และสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากการเปิดตัว Roomba ในปี 2002 โดยหลังจากนี้ iRobot จะมุ่งเน้นการลดหนี้และฟื้นฟูธุรกิจภายใต้เจ้าของใหม่สัญชาติจีนต่อไป

 

หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 31.48 บาท ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2568

 

ภาพ : Karlis Dambrans / Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising