×

ประมวลเหตุการณ์อิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในกาตาร์ สู่ประกาศข้อตกลงหยุดยิงของทรัมป์

24.06.2025
  • LOADING...
iran-israel-us-clash

บรรยากาศความขัดแย้งในตะวันออกกลางพุ่งทะยานอีกรอบ เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ (23 มิถุนายน) ภายหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในกาตาร์ ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ​ ที่ทำการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่งของอิหร่าน 

 

การโจมตีเกิดขึ้นในขณะที่การสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงรุนแรง โดยหลายฝ่ายกังวลว่าการผสมโรงของสหรัฐฯ อาจทำให้ความขัดแย้งยกระดับและขยายวงมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ที่สร้างความงุนงงให้ชาวโลก โดยยืนยันฝ่ายเดียวว่า อิหร่านและอิสราเอลตกลงที่จะหยุดยิงอย่าง ‘สมบูรณ์แบบ’ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และยินดีกับทั้งสองประเทศที่สามารถยุติสิ่งที่เรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ ได้

 

ขณะที่ท่าทีของอิหร่านและอิสราเอล ยังไม่มีการตอบรับอย่างเป็นทางการต่อข้อตกลงหยุดยิงของทรัมป์ โดยยังมีการโจมตีตอบโต้กันหลายระลอก

 

และนี่คือรายละเอียดของสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ยืนยันในแถลงการณ์ที่ส่งถึงประชาชน ว่าได้ปฏิบัติการโจมตีฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ โดยระบุว่าได้โจมตีฐานทัพดังกล่าวด้วยขีปนาวุธทำลายล้างอันทรงพลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการประกาศชัยชนะ เพื่อตอบโต้การรุกรานทางทหารอย่างโจ่งแจ้งของสหรัฐฯ ต่อโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

 

IRGC ยังระบุในแถลงการณ์ว่า ‘การดำเนินการขั้นเด็ดขาด’ ของ IRGC ที่เกิดขึ้น เป็นการส่งข้อความไปถึงทำเนียบขาวและพันธมิตรอย่างอิสราเอลว่า “อิหร่านจะไม่ปล่อยให้มีการรุกรานบูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตย หรือความมั่นคงของชาติ” และเตือนว่าฐานทัพและทรัพยากรทางทหารที่สหรัฐฯ มีอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นไม่ใช่จุดแข็ง แต่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ

 

ด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิหร่านเผยแพร่แถลงการณ์ ยืนยันว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อเป้าหมายฐานทัพสหรัฐฯ ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกเขตชุมชนในกาตาร์ และไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคาม

 

“การกระทำนี้ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อประเทศกาตาร์ที่เป็นทั้งมิตรและเป็นพี่น้องและประชาชนผู้สูงศักดิ์ของกาตาร์” ขณะที่ระบุว่า “อิหร่านยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาและสานต่อความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกับกาตาร์” 

 

อิหร่านโจมตีอย่างไร กาตาร์ตอบโต้อย่างไร?

 

Reuters รายงานโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า “ฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลางที่มาจากอิหร่าน”

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมกาตาร์เปิดเผยว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของกาตาร์สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของอิหร่านที่โจมตีฐานทัพดังกล่าวได้สำเร็จ

 

กาตาร์ระบุว่าได้รับข้อมูลล่วงหน้าว่าฐานทัพต่างๆ ในภูมิภาคนี้ตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ด้วย

 

“เมื่อเวลา 19.30 น. เราได้รับรายงานว่ามีขีปนาวุธ 7 ลูกจากอิหร่านยิงมาที่ฐานทัพอากาศอัลอูไดด์” ทางการกาตาร์ระบุในการแถลงข่าว ขณะที่มีการปิดน่านฟ้าเป็นการชั่วคราวเพื่อรับมือการโจมตี 

 

รัฐบาลกาตาร์ยืนยันว่าผลจากการโจมตีไม่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ โดยมีการอพยพบุคลากรออกจากฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ก่อนการโจมตี 

 

ภายหลังเกิดเหตุ กระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ประณามการโจมตีของอิหร่าน โดยระบุว่า “เป็นการละเมิดอธิปไตยและน่านฟ้าของกาตาร์ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ และรัฐบาลโดฮาขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้”

 

ทางด้านกระทรวงมหาดไทยกาตาร์ยืนยันว่า มีการยิงขีปนาวุธจากอิหร่านทั้งหมด 19 ลูก และระบุว่ามีเพียงลูกเดียวเท่านั้นที่โจมตีถูกฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

 

ฐานทัพอากาศอัลอูไดด์ สำคัญอย่างไร?

 

ฐานทัพอากาศอัลดูไดด์ หรือที่รู้จักในชื่อสนามบินอาบู นัคละฮ์ (Abu Nakhlah Airport) ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 151 ไร่ คือ 1 ใน 2 ฐานทัพ ที่อยู่ในพื้นที่ทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ 

 

โดยมีความสำคัญอย่างมากในเชิงยุทธศาสตร์ และมีกำลังทหารประจำการอยู่กว่า 10,000 นาย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของกองทัพอากาศกาตาร์, กองทัพอากาศสหรัฐฯ, กองทัพอากาศอังกฤษ และกองกำลังต่างประเทศอื่นๆ 

 

นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกลางของสหรัฐอเมริกา (USCENTCOM) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ตั้งแต่อียิปต์ไปจนถึงคาซัคสถาน และยังเป็นที่ตั้งของกองบินส่งกำลังทางอากาศที่ 379 ซึ่งเป็นกองบินส่งกำลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

การโจมตีที่อ่อนแอ-แจ้งเตือนล่วงหน้า?

 

หลายชั่วโมงก่อนที่จะเกิดการโจมตี สถานทูตสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรในกาตาร์ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้พลเมืองของตนในกาตาร์หลบอยู่ในบ้านจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม ขณะที่ทางการกาตาร์มีการเตรียมพร้อมทั้งสั่งปิดน่านฟ้า และให้ความมั่นใจโดยการรับรองความปลอดภัยของประชาชน

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ภายหลังการโจมตี โดยขอบคุณอิหร่านที่แจ้งเรื่องการโจมตีให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และระบุว่าการโจมตีของอิหร่านนั้นอ่อนแอมาก ซึ่งสหรัฐฯ คาดการณ์ไว้แล้ว และสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

“อิหร่านตอบโต้อย่างเป็นทางการต่อการที่เราทำลายโรงงานนิวเคลียร์ของพวกเขาด้วยการตอบโต้ที่อ่อนแอมาก ซึ่งเราคาดการณ์ไว้แล้ว และได้โต้กลับอย่างมีประสิทธิภาพ

 

มีขีปนาวุธ 14 ลูกที่ถูกยิงออกไป โดย 13 ลูกถูกยิงตก และ 1 ลูกถูก ‘ปล่อย’ เนื่องจากขีปนาวุธนั้นมุ่งไปในทิศทางที่ไม่เป็นภัยคุกคาม ผมยินดีที่จะรายงานว่าไม่มีชาวอเมริกันคนใดได้รับอันตราย และแทบไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุด พวกเขาได้กำจัดมันออกไปจาก ‘ระบบ’ ของพวกเขาแล้ว และหวังว่าจะไม่มีความเกลียดชังเกิดขึ้นอีก

 

ผมขอขอบคุณอิหร่านที่แจ้งให้เราทราบล่วงหน้า ซึ่งทำให้ไม่มีชีวิตใดต้องสูญเสียไป และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ” ทรัมป์ระบุ และชี้ว่าจากท่าทีดังกล่าว อิหร่านและอิสราเอลอาจเดินหน้าไปสู่สันติภาพได้

 

“บางทีตอนนี้อิหร่านอาจเดินหน้าไปสู่สันติภาพและความสามัคคีในภูมิภาคได้ และผมจะสนับสนุนอิสราเอลอย่างกระตือรือร้นให้ทำเช่นเดียวกัน”

 

ทรัมป์อ้าง อิหร่าน-อิสราเอลตกลงหยุดยิง

 

หลังจากนั้นทรัมป์โพสต์ข้อความต่อเนื่อง ทั้งแสดงความยินดีต่อโลกและชี้ว่าถึงเวลาแห่งสันติภาพ ก่อนจะอ้างว่าอิหร่านและอิสราเอล ‘ตกลงที่จะหยุดยิง’ แบบ ‘สมบูรณ์แบบและโดยสิ้นเชิง’ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และยินดีกับทั้งสองประเทศในการยุติสิ่งที่เรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ 

 

“ขอแสดงความยินดีกับทุกคน! อิสราเอลและอิหร่านตกลงกันเสร็จสิ้นแล้วว่า จะมีการหยุดยิงแบบสมบูรณ์และโดยสิ้นเชิงเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น สงครามจะถือว่าสิ้นสุดลง! อย่างเป็นทางการ

 

โดยทรัมป์ระบุว่า อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงในเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (24 มิถุนายน)ตามเวลาท้องถิ่นของอิหร่าน หรือ 07.30 น. ตามเวลาไทย ส่วนอิสราเอลจะหยุดยิงหลังจากนั้นอีก 12 ชั่วโมง หรือในเวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของอิสราเอล หรือราว 23.00 น. ตามเวลาไทย 

 

“และเมื่อถึงชั่วโมงที่ 24 โลกจะประกาศให้สงคราม 12 วันสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ระหว่างการหยุดยิงแต่ละครั้ง อีกฝ่ายจะยังคงรักษาสันติภาพและเคารพซึ่งกันและกัน ภายใต้สมมติฐานที่ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ ทั้งอิสราเอลและอิหร่าน ที่มีความอดทน กล้าหาญ และฉลาดในการยุติสิ่งที่ควรเรียกว่าสงคราม 12 วัน” ทรัมป์ระบุ

 

หลังจากที่ทรัมป์ประกาศ อับบาส อารักชี (Abbas Araghchi) รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ยืนยันว่า ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับการหยุดยิงหรือการยุติปฏิบัติการทางทหาร ณ ขณะนี้ แต่หากอิสราเอลยุติการรุกรานอิหร่านภายในเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในเตหะราน หรือ อิหร่านก็จะหยุดการโจมตีตอบโต้เช่นกัน 

 

“หากอิสราเอลยุติการรุกรานที่ผิดกฎหมายต่อประชาชนอิหร่าน ภายในเวลาไม่เกิน 04.00 น. ตามเวลาเตหะราน เราก็ไม่มีเจตนาที่จะตอบโต้ต่อไป การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการยุติปฏิบัติการทางทหารของเราจะเกิดขึ้นในภายหลัง”

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อิสราเอลและอิหร่านยังคงเดินหน้าโจมตีตอบโต้กันอย่างหนัก โดยอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่พื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอลไม่ต่ำกว่า 6 ระลอก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 22 คน

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ปรากฏรายงานจาก Press TV สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่าน ที่รายงานว่าอิหร่านและอิสราเอลได้เริ่มต้นการหยุดยิงแล้ว สอดคล้องกับท่าทีของทรัมป์ที่โพสต์ข้อความยืนยันว่า “การหยุดยิงมีผลบังคับใช้แล้ว” และขอให้ทั้งสองฝ่าย “อย่าละเมิดข้อตกลง”

 

ทางด้านอิสราเอล ได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ยืนยันว่าได้ตอบรับข้อตกลงหยุดยิงที่ทรัมป์ เสนอ ขณะที่เตือน

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising