รัฐสภาอิหร่านผ่านกฎหมายขยายเพดานการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมกลับสู่ระดับเดิม เพื่อกดดันสหรัฐฯ และมหาอำนาจในสหภาพยุโรป ให้ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
กฎหมายฉบับนี้ระบุให้รัฐบาลสามารถเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความเข้มข้นเกิน 20% ได้อีกครั้ง จากเดิมที่คงระดับการเสริมสมรรถนะให้ไม่เกิน 3.67% ตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านลงนามกับสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย และเยอรมนี เมื่อปี 2015
ประธานาธิบดี ฮัสซัส โรฮานี ของอิหร่าน ระบุว่า เขาคัดค้านการบังคับใช้กฎหมายนี้ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสภา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของอิหร่านเมื่อไม่นานมานี้
ประธานาธิบดีโรฮานีมองว่า กฎหมายนี้ “จะสร้างความเสียหายทางการทูต” หากเริ่มบังคับใช้
หลังจากนี้ 2 เดือน รัฐบาลอิหร่านจะเดินหน้าเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม พร้อมติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงขั้นสูง (Centrifuge) สำหรับการเสริมสมรรถนะที่โรงงานนิวเคลียร์ในเมืองนาตานซ์และฟอร์โดว์ หากชาติภาคีข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และมหาอำนาจใน EU ไม่ยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและภาคการเงินของอิหร่าน
ไม่เพียงเท่านั้น กฎหมายนี้ยังอนุมัติให้รัฐบาลยับยั้งการเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของผู้ตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติด้วย
รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงกับอิหร่าน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2018
ทั้งนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โจ ไบเดน ที่มีกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อีกครั้ง และจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร หากอิหร่านกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
แม้ว่าไบเดนจะยอมรับกับหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน “อาจเป็นไปได้ยาก” แต่ “สิ่งที่พวกเราไม่ต้องการเลยในภูมิภาคนี้ของโลกในเวลานี้คือ ศักยภาพการสร้างอาวุธนิวเคลียร์”
รัฐบาลอิหร่านยืนกรานมาตลอดว่า พวกเขาดำเนินโครงการนิวเคลียร์อย่างสันติ แต่มหาอำนาจตะวันตกมองว่าสิ่งที่อิหร่านกำลังทำเป็นฉากหน้าเพื่อพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
นับแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2019 อิหร่านละเมิดเพดานการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมตามข้อตกลงที่ 3.67% เพิ่มเป็น 4.5% แต่การที่แร่ยูเรเนียมจะมีประสิทธิภาพนำไปใช้ทำอาวุธนิวเคลียร์ได้นั้นจะต้องผ่านการเสริมสมรรถนะให้ได้มากถึง 90% เสียก่อน
สำหรับกรณีการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่านเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย โมห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้ชื่อว่าบิดาแห่งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถูกลอบสังหารใกล้กับกรุงเตหะราน ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่า เขาเสียชีวิตจากแรงระเบิดและการกราดยิงด้วยปืนกลอัตโนมัติ
แม้สาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการยังคงเป็นปริศนา แต่รัฐบาลอิหร่านเชื่อว่า อิสราเอลและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง โดยใช้เทคโนโลยีควบคุมระยะไกลบังคับปืนกลอัตโนมัติ เพื่อลอบสังหารฟาครีซาเดห์ ซึ่งจนถึงตอนนี้รัฐบาลอิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงท่าทีต่อข้อกล่าวหาของอิหร่าน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: