รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไทย ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงบนเวทีประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ IPU (Inter-Parliamentary Union) สมัยที่ 151 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ผลักดันร่างมติเรื่อง ‘การดำเนินการของรัฐสภาเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบลูกผสมต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์’ ที่ไทย อาร์เจนตินา ชิลี โปแลนด์ และสวีเดน ร่วมกันเสนอ ภายใต้การสนับสนุนจากกลุ่มละตินอเมริกาและแคริบเบียน และกลุ่ม Twelve Plus
เนื้อหาถ้อยแถลงเน้นย้ำถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่าเป็น “จักรวรรดิในเงามืด” ที่ไร้พรมแดน ซึ่งสร้างขึ้นจากความกลัวและการหลอกลวง โดยมีอำนาจบ่อนทำลายเศรษฐกิจ แทรกซึมทางการเมือง และกดขี่ชีวิตของผู้คน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐสภาทั่วโลก ร่วมมือกันอุดช่องโหว่ทางกฎหมาย และเสริมสร้างกรอบต่อต้านการค้ามนุษย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
และนี่คือเนื้อหาของถ้อยแถลงทั้งหมด
“ท่านประธานที่เคารพ
ในนามของผู้ร่วมเสนอร่างมติจากประเทศไทย อาร์เจนตินา ชิลี โปแลนด์ และสวีเดน และด้วยการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากกลุ่มละตินอเมริกาและแคริบเบียน และกลุ่ม Twelve Plus รวมถึงวุฒิสมาชิก ลูซิลา เคร็กเซลล์ และสมาชิกรัฐสภา เฟอร์นันโด อิเกลเซียส จากอาร์เจนตินา
ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอข้อเสนอเรื่อง ‘การดำเนินการของรัฐสภาเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบลูกผสมต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์’
วันนี้ โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับ “จักรวรรดิในเงามืด” ที่สร้างขึ้นจากความกลัวและการหลอกลวง
จักรวรรดิที่ไร้พรมแดน แต่มีอำนาจพอที่จะบ่อนทำลายเศรษฐกิจ แทรกซึมทางการเมือง และกดขี่ชีวิตผู้คน
มันเติบโตจาก ความเหลื่อมล้ำและความเพิกเฉย และด้วยสิ่งนั้นเอง มันได้กัดกร่อนรากฐานของประชาธิปไตย
จากแก๊งค้ายาที่วางยาพิษเยาวชนของเรา ไปจนถึงการลอบสังหารที่ทำให้ “ผู้ปกป้องความจริง” ต้องเงียบเสียง
จักรวรรดิแห่งอาชญากรรมนี้ไม่เว้นแม้แต่ประเทศใดในโลก
การสังหารวุฒิสมาชิก มิเกล อูริเบ ตูร์บาย จากโคลอมเบีย เป็นเครื่องเตือนว่า อาชญากรรมข้ามชาติไม่ใช่ภัยที่อยู่ไกลตัว แต่มันคือภัยที่กำลังโจมตี ‘หัวใจของประชาธิปไตย’ โดยตรง
สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ คือ ภัยคุกคามแบบลูกผสม (Hybrid Threat) ซึ่งเป็นการหลอมรวมของอาชญากรรม การทุจริต และสงครามดิจิทัล
มันบิดเบือนข้อมูล ใช้เทคโนโลยีเป็นอาวุธ ฟอกเงินผ่านคริปโทเคอร์เรนซี และทำลายความไว้วางใจของสาธารณชน
และไม่มีที่ใดที่จักรวรรดิในเงามืดนี้จะเห็นได้ชัดเท่ากับ การขยายตัวของค่ายหลอกลวง (Scam Compounds) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เบื้องหลังจอคอมพิวเตอร์และคำสัญญาอันจอมปลอม คือชีวิตของผู้คนนับแสนจากหลายประเทศ
หลายคนถูกหลอก ถูกลักพาตัว และถูกกักขังอยู่ในสภาพที่ ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง
การปฏิบัติการร่วมระดับนานาชาติครั้งล่าสุด สามารถอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเผยให้เห็นเพียง ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ ของเศรษฐกิจอาชญากรรมขนาดมหึมานี้เท่านั้น
ท่านประธานที่เคารพ
หากเรายังคงนิ่งเฉย จักรวรรดิแห่งเงามืดนี้จะขยายตัวต่อไป โดยดูดกลืนพลังของความไม่ลงมือทำของเราเอง
เราขอเรียกร้องให้รัฐสภาทั่วโลก ร่วมมือกันอุดช่องโหว่ทางกฎหมาย เสริมสร้างกรอบต่อต้านการค้ามนุษย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสร้างการตอบสนองที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน เคารพศักดิ์ศรี และยุติธรรม
ให้เราสร้างความร่วมมือที่ ‘ไร้พรมแดน’ เช่นเดียวกับอาชญากรรมที่เราเผชิญ
ให้เราลงมือ ไม่เพียงด้วยความมุ่งมั่น แต่ด้วยความเป็นมนุษย์
เพราะตัวชี้วัดที่แท้จริงของประชาธิปไตย ไม่ใช่ความดังของเสียงประณามความอยุติธรรม แต่คือความเด็ดขาดที่เราร่วมกันเผชิญหน้ากับมัน
ขอบคุณครับ ท่านประธาน”