นักลงทุนทั่วโลกแห่ย้ายเงินทุนออกจากหุ้นบลูชิพของจีน นับเป็นช่วงที่มีเงินทุนไหลออกยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ผู้นำอุตสาหกรรมระดับประเทศก็ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์
ข้อมูลจาก Bloomberg พบว่า ต่างชาติขายหุ้นของ Kweichow Moutai กว่า 6.2 พันล้านหยวน (851 ล้านดอลลาร์) ในช่วงวันที่ 7-18 สิงหาคม ทำให้หุ้นผู้ผลิตสุรารายใหญ่ที่สุดของจีนถูกขายสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ตามมาด้วยหุ้นพลังงานหมุนเวียนชั้นนำอย่าง LONGi Green Energy Technology และผู้ให้กู้รายใหญ่ China Merchants Bank ถูกเทขายรายละ 4.7 พันล้านหยวน
เงินทุนกองทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ติดต่อกัน 13 วัน รวม 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขายต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ Bloomberg เริ่มติดตามข้อมูลในปี 2016 กระแสการเทขายเกิดขึ้นหลังจากความเสี่ยงของภาคอสังหาที่ตกต่ำเป็นเวลานานเริ่มส่งผลเป็นวงกว้างมากขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นจีนเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนย่แย่ที่สุดในโลกในเดือนนี้ โดยขาดทุนเกือบ 8%
ขณะนี้ดัชนี CSI 300 กำลังซื้อ-ขายอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังจากปัจจัยบวกจากการประชุมโปลิตบูโรเมื่อเดือนกรกฎาคมได้หายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ยังคงน่าผิดหวัง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุนได้
นอกจากนี้ หุ้นที่ต่างชาติเทขายมากที่สุด 10 อันดับแรกอยู่ใน 50 หุ้นที่ใหญ่ที่สุดในดัชนี CSI 300 ซึ่งมีบริษัทอย่าง Wuliangye Yibin, Ping An Insurance Group และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ต่างพบการเทขายอย่างน้อย 2.9 พันล้านหยวน
แรงขายเริ่มส่งสัญญาณเย็นลงเล็กน้อย เมื่อกองทุนในต่างประเทศหลั่งเงินเข้า 1.05 หมื่นล้านหยวนในวันนี้ (23 สิงหาคม) ด้านเฮดจ์ฟันด์ในจีนกล่าวโทษเงินทุนจากต่างชาติที่ทำให้หุ้นของประเทศดิ่งลง และกระตุ้นให้เกิดความผันผวนในตลาด ตามรายงานของ China International Capital พบว่า ในเดือนนี้กองทุนจากต่างประเทศถือสัดส่วนหุ้น A-Share ในตลาดน้อยกว่า 4% ของหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด
อ้างอิง: