×

นักลงทุนผวาแบงก์ชาติทั่วโลกแห่ขึ้นดอกเบี้ยทำเศรษฐกิจถดถอย ฉุด Dow Jones ดิ่งหนักกว่า 740 จุด

17.06.2022
  • LOADING...
นักลงทุน

อานิสงส์จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 เพื่อหวังสกัดเงินเฟ้อให้อยู่หมัด ส่งผลให้ธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อเหมือนสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน

 

การพร้อมใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อตั้งใจดึงสภาพคล่องออกจากระบบหวังลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ กลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหวั่นเกรงว่าสภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในขณะนี้อาจรับไม่ไหว และฉุดให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยได้

 

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones เมื่อวานนี้ (16 มิถุนายน) ปรับตัวลดลง 741.46 จุด หรือ 2.42% ปิดที่ 29,927.07 จุด นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2021 ที่ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones หลุด 30,000 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 123.22 จุด หรือ 3.25% ปิดที่ 3,666.77 จุด โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงต่อเนื่อง 6 วัน จาก 7 วันทำการหลังสุด ส่วนทางด้านดัชนี Nasdaq ลดลง 453.06 จุด หรือ 4.08% ปิดที่ 10,646.10

 

S&P 500 ดิ่งลง 6 ใน 7 วันซื้อขายหลังสุด โดย Wall Street ปรับขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 มิถุนายน) หลัง Fed ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามความคาดหมาย

 

การปรับตัวลดลงในครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ตลาดเพิ่งจะขยับขึ้นขานรับข่าวดีที่ Fed จัดยาแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ก่อนพลิกกับปิดตลาดในแดนลบอย่างรวดเร็ว เมื่อธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกส่งสัญญาณพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อเช่นเดียวกับสหรัฐฯ กลายเป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม

 

ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ลดลงแล้ว 6% ในขณะที่ ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 6.1% ส่วนดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ลงไปประมาณ 4.7%

 

สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ร่วงลงสู่ภาวะตลาดหมีเรียบร้อยแล้ว โดยสิ้นสุด Session ลงประมาณ 24% และ 34% จากระดับสูงสุดตลอดกาลตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อและการชะลอตัวเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหมี โดย Dow Jones ขณะนี้อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 5 มกราคม ที่ 19%

 

Susan Schmidt จาก Aviva Investors กล่าวว่า เมื่อวานนี้ Fed ได้ตอบสนองต่อความคาดหวังของนักลงทุนที่อยากให้ Fed จัดยาแรงสกัดเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตระหนักว่าสิ่งที่ Fed ทำได้ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจตามมา

 

ขณะที่มหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง Orlando Bravo ผู้ก่อตั้ง Thoma Bravo กล่าวว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปีนี้จะเผชิญกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงทำให้บริษัทที่มุ่งเน้นการเติบโตมีความน่าสนใจน้อยลง บริษัทเทคโนโลยีโดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากเงินร่วมลงทุน มีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตมากกว่าผลกำไรระยะสั้น

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นที่แย่ที่สุดเมื่อวานนี้คือ Home Depot, Intel, Walgreens, JPMorgan, 3M และ American Express ซึ่งทำสถิติต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ขณะที่ Amazon, Apple และ Netflix ดิ่งลงเกือบ 4% ส่วน Tesla และ Nvidia ลดลง 8.5% และ 5.6% ตามลำดับ

 

ด้านราคาน้ำมันมีการฟื้นตัว โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 117.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านนำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 119.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

บรรดานักวิเคราะห์มองว่าราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทต่างๆ ของจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ที่มีส่วนให้ความช่วยเหลืออิหร่านในการส่งออกปิโตรเคมี

 

นอกจากนี้แล้วตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากกำลังผลิตที่ลดลงของลิเบียโดยเหลือแค่ระดับ 100,000-150,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว และอาจมีปัญหาด้านการส่งมอบตามมาด้วย เพราะเหตุความสงบภายใน

 

ส่วนราคาทองคำขยับปรับขึ้นในแดนบวก เนื่องจากความกลัวเรื่องเศรษฐกิจถดถอยของนักลงทุน ฉุดให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จึงผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดตลาดในแดนบวก โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 30.30 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,849.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

ด้านความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยยังทำให้นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง ความผันผวนสูง โดยรวมถึง Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหลาย โดยแรงเทขายทำให้ Bitcoin ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000

 

ทั้งนี้ ราคา Bitcoin ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 21,000 ดอลลาร์ ลดลงมากกว่า 3%

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising