×

นักลงทุนแห่ซื้อ ‘ทองคำ’ ดักผลเลือกตั้งสหรัฐฯ – ประชุมเฟด ผู้เชี่ยวชาญชี้ราคาผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เตรียมพุ่งต่อ

02.11.2020
  • LOADING...
แห่ซื้อทอง

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า นักลงทุนหันมาซื้อและถือครองทองคำมากขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อดักผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยแรงซื้อทองคำแท่งในตลาดอาเซียนยังทรงตัว จากความเชื่อว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้ง แม้ว่าโพลในบางรัฐยังนับคะแนนไม่เสร็จดี 

 

ท้ังนี้ เดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า โจ ไบเดน มีคะแนนใน 4 รัฐ ที่สูสี (Swing State) คือ เพนซิลเวเนีย, ฟลอริดา, แอริโซนา และวิสคอนซิน ซึ่งเป็น 4 รัฐที่ทรัมป์เคยชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2559

 

ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำที่ผ่านมา พบว่าทองคำเผชิญกับแรงขายในช่วงที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเข้มงวดและเข้าใกล้ระยะสุดท้าย ส่งผลให้ราคาทองคำขยับลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเป็นการปรับลง 3 เดือนติดต่อกัน หลังจากที่ราคาปรับขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2562

 

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาจะลดลง แต่การซื้อและถือครองทองคำแท่งกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลความเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง และการดำเนินนโยบายของเฟด 

 

โดยเฟดจะประชุมคณะกรรมการในวันที่ 4-5 พฤศจิกายน (เวลาสหรัฐฯ) หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสิ้นสุดลง ในเบื้องต้น เฟดเคยให้ข้อมูลว่าจะไม่ซื้อสินทรัพย์เพิ่มในปีนี้ตลอดจนปีหน้า และจะไม่ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ราคาทองคำค่อนข้างผันผวนในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สอดรับกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังมีหลายประเด็นให้ต้องติดตาม โดยในเดือนตุลาคม ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแตะระดับต่ำสุดที่ 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

 

ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนทองคำรายหนึ่ง กล่าวว่า ด้วยหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน นักวิเคราะห์ยังไม่แนะนำให้ขายทองคำออกมาก่อนการเลือกตั้ง และแนะนำให้มองข้ามปัจจัยที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไปก่อน โดยให้เน้นไปมองปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาคเป็นหลัก ซึ่งจะมาสนับสนุนราคาทองคำค่อนข้างมาก

 

“สำหรับคนที่ถือครองทองคำอยู่ ยังไม่ควรขายในช่วงนี้ และสำหรับคนที่ยังไม่ได้ถือครองทองคำ และคนที่ต้องการถือสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนสัก 10% แนะนำให้ซื้อทองคำประมาณ 3% ของพอร์ต ก่อนที่จะเกิดการเลือกตั้ง”

 

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า นอกจากปัจจัยการเลือกตั้งแล้ว นักลงทุนยังให้ความสนใจผลการประชุมเฟดอีกด้วย โดยคาดว่าเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

 

เจมส์ ไนต์ลีย์ (James Knightley) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของไอเอ็นจี กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะทำตามที่เคยส่งสัญญาณไว้ในประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยสัญญาว่าจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น

 

“เราคาดหวังว่าจะได้เห็นพวกเขาย้ำประเด็นที่ว่า นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้” 

 

ทั้งนี้ ข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ จะเป็นที่สนใจเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น 600,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม

 

ลุ้นประกาศผลฯ เร็ว ดันทองพุ่ง

 

“ความคึกคักในตลาดทองคำน่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และจะเริ่มมีการซื้อขายอย่างจริงจังในวันพุธจนสิ้นสัปดาห์ แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ก็จะถูกผลักดัน และส่งให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่สุดก็คือการประกาสผลการเลือกตั้งว่าจะสามารถประกาศได้ทันทีหรือไม่ หากประกาศผลเร็ว ชัดเจน หุ้นก็จะปรับขึ้น ทองคำก็เช่นกัน แต่หากการประกาศผลยืดเยื้อหรือมีความไม่ชัดเจน ตลาดหุ้นจะเผชิญความเสี่ยงเพิ่ม และนักลงทุนจะหันไปถือเงินสดแทน” ปีเตอร์ ฮัก ผู้อำนวยการด้านการซื้อขายทองคำระดับโลกของ Kitco ให้ความเห็น 

 

ดอกเบี้ยต่ำ-แนวโน้มเศรษฐกิจชี้นำราคาทอง

 

ด้านนักวิเคราะห์ราคาทองคำรายหนึ่งให้ความเห็นว่า ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร เพราะปัจจัยชี้นำราคาหลักๆ คือนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ และการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 

 

ทองคำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปี 2563 โดยได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และผลักดันราคาทองคำขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และแม้ว่าราคาจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ในสภาวการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำถึงติดลบ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 

 

“ในขณะที่มีข้อโต้แย้งมากมายว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นด้วยมากที่สุดคือราคาทองคำจะสูงขึ้นไม่ว่าใครจะดำรงตำแหน่งอยู่ก็ตาม” นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เฮย์วู้ด กล่าว

 

โดยหากมองภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่ายังเปราะบาง และธนาคารกลางใช้นโยบายเพิ่มสภาพคล่อง (Money Printing) เพื่อเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ และกระตุ้นการบริโภคของประชาชน นักลงทุนก็จะเข้าลงทุนในทองคำเพิ่ม

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X