หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งกลับขึ้นมาแตะระดับ 4.6% พร้อมกับการส่งสัญญาณจากธนาคารสหรัฐฯ ว่าอาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ รวมทั้งความเสี่ยงจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้นักลงทุนดึงเงินออกจากตลาดหุ้นและหุ้นกู้ที่ต่ำกว่าระดับลงทุน (Junk Bonds)
Bank of America ระบุโดยอ้างอิงข้อมูลจาก EPFR Global ว่า นักลงทุนเทขายกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 2.11 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 7.7 แสนล้านบาท ถือเป็นระดับที่มากที่สุดนับแต่เดือนธันวาคม 2022 พร้อมกับการเทขาย Junk Bonds ด้วยอัตราเร่งที่มากที่สุดในรอบ 14 เดือน จากข้อมูลของ LSEG Lipper
ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่อง 6 วันทำการติดต่อกัน ถือเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องมากที่สุดนับแต่ปี 2022 โดยดัชนีชี้วัดหุ้นใหญ่สุด 7 อันดับแรกของสหรัฐฯ ปรับตัวลงเกือบ 8%
Michael Hartnett นักกลยุทธ์ของ Bank of America ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น ถือเป็นมุมมองที่แตกต่างออกไปจากไตรมาสแรกที่นักลงทุนยังมองว่าข่าวดีคือเรื่องดี
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาราว 20% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อ 2 ปีก่อน ล่าสุดดัชนีปิดที่ 4,967 จุด ลดลงมาประมาณ 300 จุด จากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อ้างอิง: