ลงทุนอย่างไรในวันที่ ‘หุ้นญี่ปุ่น’ กลับมาเนื้อหอม แต่ยังแวดล้อมไปด้วยปัจจัยเสี่ยง

การฟื้นตัวหรืออาจเรียกได้ว่า ‘เกิดใหม่’ ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังเผชิญช่วงแห่งทศวรรษที่หายไปกว่า 30 ปี หลังปรับตัวทำผลตอบแทนโดดเด่นตั้งแต่ปลายปี 2023 เรื่อยมาจนถึงปี 2024 โดยเฉพาะดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่น ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 34 ปีนับตั้งแต่ปี 1989 และในไตรมาสแรกของปี 2024 ก็ทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง และหากมองในเชิง YTD ดัชนี TOPIX อยู่ในกลุ่มผู้เล่นที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดอยู่ที่ 14.60% (30 พฤษภาคม 2024) สะท้อนมุมมองทางบวกของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น

อาตุล โกยาล นักวิเคราะห์ของ Jefferies มองว่า ญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเข้าสู่ยุคทอง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ได้รับแรงหนุนจากข้อบังคับใหม่จากรัฐบาล

ไม่เพียงแต่เฉพาะนักลงทุนทั่วโลก ข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนรายย่อยของญี่ปุ่นซื้อหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอยากที่จะเข้ามาคว้าโอกาสไปกับดัชนี TOPIX

คำถามคือ อะไรทำให้หุ้นญี่ปุ่นกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก และจริงหรือไม่ที่ช่วงแห่งทศวรรษที่หายไปของญี่ปุ่น ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 34 ปีจบสิ้นแล้ว? เพราะความเป็นจริงเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตในอัตราต่ำต่อเนื่องหลังประสบปัญหาฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ ทำให้ประสบปัญหาเงินฝืด จนถึงตอนนี้เศรษฐกิจยังคงคาบเส้นความเปราะบาง และดูเหมือนว่ากรอบราคาของดัชนีถึงจะขยับตัว แต่ก็อยู่ระดับไม่หวือหวาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน อาจเป็นผลจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและแผนการของธนาคารกลางญี่ปุ่นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

ในขณะเดียวกันปัจจัยที่ยังสามารถดึงเงินลงทุนจากต่างชาติได้อย่างต่อเนื่องปัจจัยแรกคือ เงินเยนอ่อนค่า ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงในสกุลเงินเยนราคาถูกลงตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2022 เงินเยนเริ่มปักหัวลงจนอ่อนค่าที่สุดในรอบ 33 ปี ทะลุ 150 เยนต่อดอลลาร์ เป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น สวนกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดทั่วโลก สำหรับนักลงทุนต่างชาตินี่คือโอกาสที่น่าสนใจ ขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าและบริการก็ได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า

แน่นอนว่าการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เป็นปัจจัยผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นญี่ปุ่น มองว่าหุ้นญี่ปุ่นมีความคุ้มค่า น่าเข้าซื้อสะสม

ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (สิงคโปร์) จำกัด หรือ UOBAM Singapore มองว่า หุ้นญี่ปุ่นยังเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีโอกาสในการลงทุนอย่างมาก ทั้งจากคะแนนความเชื่อมั่น FDI ของญี่ปุ่นที่ครองอันดับ 1 ของเอเชีย และติดอันดับ 3 ในตลาดโลก

ขณะเดียวกันนโยบายในประเทศก็สนับสนุนให้การลงทุนหุ้นคึกคัก โดยตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้กำหนดข้อกำหนดต่างๆ ให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้บริษัทต่างๆ มีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดระดับ Free Float ขั้นต่ำ หรือการตำหนิบริษัทที่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (Book Value) รวมถึงการที่ทางการญี่ปุ่นปรับโครงการลงทุนเพื่อลดภาษีสำหรับชาวญี่ปุ่น หรือ Nippon Individual Savings Account (NISA) ใหม่สำหรับปี 2024 ทำให้ขนาดการลงทุนใหญ่ขึ้นถึง 125% เป็น 3.6 ล้านเยนต่อคนต่อปี คาดการณ์ว่าจะเพิ่มการลงทุนในโครงการได้ถึง 18 ล้านเยนต่อคน ท้ายที่สุดจะเพิ่มกำลังซื้อหุ้น เพื่อการออมสำหรับอนาคต และลดแรงขายระยะสั้นไปพร้อมกัน

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องของธีมการลงทุน ที่ผ่านมาธีมการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมกำลังเป็นธีมใหญ่ในตลาด เรื่องความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 46% ในการผลิตหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนด้านนี้ และที่สำคัญ TOPIX แม้จะกระจายการลงทุนไปหลายกลุ่ม แต่ให้น้ำหนักในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ามากถึง 17%

เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นกลับเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่น กลายเป็นได้แรงขับจากการบริโภคภายในที่ขยายตัวหลังกลับมาเปิดเมืองเต็มที่ และด้วยเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นแรงในรอบหลายปี จึงมีการปรับเพิ่มค่าจ้าง 2% เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ผ่านมา

ท่ามกลางปัจจัยหนุนหลายประการ โดยเฉพาะปัจจัยเชิงโครงสร้าง แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเองยังต้องเผชิญความท้าทายจากค่าเงินเยนที่อาจกลับมาแข็งค่าขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่อาจก่อให้เกิดความผันผวนระยะสั้นต่อตลาดญี่ปุ่นได้ รวมถึงประเด็นทางการเมืองที่จะมีการเลือกผู้นำพรรค LDP คนใหม่ในเดือนกันยายน 2024 เพื่อลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปี 2025

UOB Privilege Banking แนะนำทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มุ่งรักษาเงินต้น พร้อมเปิดโอกาสสร้างพอร์ตเติบโตอย่างมีคุณภาพท่ามกลางภาวะผันผวน จำกัดความเสี่ยงขาลง และมีสภาพคล่อง ลงทุนระยะสั้นเพียง 12 เดือนผ่าน ‘กองทุน United Target Opportunity Fund 1’

รู้จักกองทุน ‘United Target Opportunity Fund 1’

กองทุน United Target Opportunity Fund 1 เป็นกองทุน Offshore Fund ผู้ลงทุนลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยลงทุนในสินทรัพย์ประเภท Bullish Shark Fin จุดเด่นของกองทุนนี้คือเน้น ‘สร้างโอกาสให้พอร์ตเติบโตอย่างมีคุณภาพ’ และ ‘จำกัดความเสี่ยงขาลง’ กองทุนมีอายุประมาณ 1 ปี แต่ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันศุกร์ (มีค่าธรรมเนียม Realisation Fee 1% ในการขายคืนก่อนครบกำหนด) ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับการลงทุนนี้

ด้านผลตอบแทนจะอ้างอิงตามดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่น ที่มีกรอบโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดที่ 19.99% โดยมีเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

A. ณ วันพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิง ดัชนี TOPIX ปรับตัวลดลงต่ำกว่าวันเริ่มต้น และในทุกสัปดาห์ ณ วันพิจารณาราคาสินทรัพย์ ดัชนี TOPIX ไม่เคยปรับตัวขึ้นมากกว่า 20% กรณีนี้จะได้รับคืนเงินต้น (หลังหักค่าธรรมเนียมซื้อ) โดยไม่ได้รับผลตอบแทน

B. ณ วันพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิง ดัชนี TOPIX ปรับตัวขึ้นมากกว่าวันเริ่มต้น แต่ไม่เกิน 19.99% และในทุกสัปดาห์ ณ วันพิจารณาราคาสินทรัพย์ ดัชนี TOPIX ไม่เคยปรับตัวขึ้นมากกว่า 20% กรณีนี้ได้รับผลตอบแทนตามจริงจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนี TOPIX สูงสุดที่ 19.99%

C. สัปดาห์ใดสัปดาห์หนึ่ง ณ วันพิจารณาราคาสินทรัพย์ ดัชนี TOPIX ปรับตัวขึ้นมากกว่า 20% ขึ้นไป กรณีนี้ได้รับผลตอบแทนที่เรียกว่า Bonus Coupon ประมาณการที่ 5.1-7.5% เมื่อลงทุนจนครบอายุกองทุน

¹Barrier Price and Bonus Coupon for scenario B and C respectively will only be determined at inception.

² The initial principal amount after deducting any subscription fee charged for investing in the Fund.

ถ้าคุณอยากคว้าโอกาสการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่กำลังโดดเด่น พร้อมปิดความเสี่ยงขาลง พิจารณาทางเลือกที่น่าสนใจอย่างกองทุน United Target Opportunity Fund 1 เสนอขายระหว่างวันที่ 7-28 มิ.ย. 2567 เท่านั้น

ทั้งนี้ แนะนำให้คุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking เพื่อช่วยอธิบายข้อมูลของกองทุนนี้อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน ติดต่อที่ โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking