วันนี้ (21 มีนาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. วินัย ทองสอง ชี้แจงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ. วินัย ระบุว่า ทางคณะกรรมการได้พูดคุยกันและเล็งเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงควรมีการสื่อสารให้ทราบความคืบหน้าของการตรวจสอบเป็นระยะ
โดยที่มาของการตั้งคณะกรรมการสอบสวน สืบเนื่องมาจากที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องการแถลงข่าวโต้แย้งกันภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย นายกรัฐมนตรีจึงตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลาง ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่ได้เป็นฝ่ายใด มาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้คือ จะทำความจริงให้ปรากฏว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างไร
พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า ใครทำผิดก็ต้องได้รับความผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่ว จะไม่มีการกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย รังแก หรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังตรวจสอบ ขอให้นำข้อมูลข่าวสารมาพบคณะกรรมการได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากเท่าใด พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า ตามคำสั่งให้ระยะเวลา 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการจึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็วและรายงานการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ พร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นมานำเสนอ
ส่วนเรื่องนี้จะตรวจสอบประเด็นใดบ้าง พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า เรื่องที่มีการแถลงโต้ตอบกันเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของเว็บพนัน ซึ่งการทำความจริงให้ปรากฏต้องได้รายละเอียดว่าใคร ทำสิ่งใด อย่างไร ตนเชื่อว่าทางคณะกรรมการจะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ แม้จะไม่ได้ดูสำนวนการสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะมีวิธีการอื่นที่จะให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง
เรื่องดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราจึงมีการขอแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบข้อมูลส่วนใดบ้าง
เบื้องต้น คณะกรรมการจะต้องพยายามทำให้ทันภายใน 60 วัน แต่หากไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่ง ณ วันนี้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกษียณหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้
วันนี้ข้อมูลต่างๆ เดินทางมาจนสุดแล้ว ฉะนั้นการดึงข้อเท็จจริงออกมา ตนคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยากของคณะกรรมการ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ผลการตรวจสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อ พล.ต.อ. วินัย ตอบว่า ผลการพิจารณาจะสรุปและส่งให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งให้หน่วยใดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนของคดีความที่อยู่ในขั้นของ ป.ป.ช. หรือคดีทางอาญาก็ดำเนินควบคู่กันไป ส่วนตัวคาดว่าผลสอบของกรรมการชุดนี้ท้ายที่สุดน่าจะต้องกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในเรื่องนี้ที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ขอยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เนื่องจากประเด็นนี้ยังหาบทสรุปไม่ได้ จึงต้องหาคนกลางมาทำงาน เพื่อไม่ให้มีใครมีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรียกทั้งสองนายพลมาชี้แจง อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานในส่วนอื่นๆ ก่อน แต่อาจมีการเรียกมาสอบในช่วงท้ายของการทำงาน
พล.ต.อ. วินัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้มีลักษณะการทำงานเหมือนชุดกรรมการพิเศษที่นำโดย ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ สอบเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา โดยสุดท้ายคดีดังกล่าวมีผลการตรวจสอบ สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายพลทั้งสองท่านออกมาแถลงว่า จะมีการปรองดอง ยุติข้อขัดแย้ง จะมีผลต่อการสอบหรือไม่ พล.ต.อ. วินัย ยืนยันว่าไม่มีผลใดๆ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู
ส่วนผลการตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้กรรมการชุดเดียวกันนี้ ได้เสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าการใช้กำลังคน การใช้วิธีนี้ควรระมัดระวัง แต่ทั้งนี้ การเข้าค้นบ้านของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ก็เป็นไปตามกฎหมาย