วันนี้ (23 มกราคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปไวรัลตำรวจไทยบริการขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนว่า ขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้พบดาบตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 1 นาย ซึ่งดาบตำรวจนายนี้เป็นคนประสานงานกับชายไทยคนหนึ่ง (นายหน้า) ที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เกิดเรื่อง ดาบตำรวจนายดังกล่าวได้ให้ ร.ต.อ. สมพล ภิญโญสโมสร รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว
ส่วนตำรวจ 2 นาย ที่สังกัดกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาในส่วนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ ในกรณีที่นำไซเรนและเครื่องหมายราชการมาติดที่รถ จากนั้นทางจเรตำรวจเตรียมสรุปเบื้องต้นเพื่อตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่จะลงโทษทางวินัยและทางอาญาได้ต่อไป
พล.ต.ต. อาชยนกล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ต้องเชิญชายคนที่รับหน้าที่ติดต่อเข้ามาให้ปากคำ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน เบื้องต้นจากการสอบปากคำพบว่ารู้จักกับทางเจ้าหน้าที่รถนำขบวนช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 จึงมีการแลกเบอร์กันไว้ เมื่อมีงานจึงติดต่อมา ทั้งนี้ กรณีเงิน 200 บาทที่ปรากฏในคลิป แจ้งว่าเป็นเงินค่าทางด่วน แต่เรื่องเงิน 7,000 บาท จะให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง
“นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวยังอยู่ในประเทศไทย จึงมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะเชิญมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ทั้งนี้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการสอบประเด็นให้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องการเรียกรับ วิธีการ ทำมากี่ครั้ง และทำในรูปแบบของบริษัทหรือประสานงานกับคนนอกอย่างไร ซึ่งจะต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนอยู่แล้ว” พล.ต.ต. อาชยนกล่าว
พล.ต.ต. อาชยนกล่าวอีกด้วยว่า ทาง บช.น. โดย บก.จร. และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไว้ด้วย เพื่อพิจารณาว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือรับทราบเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองอย่างไรหรือไม่
