บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาเผชิญกับความเปราะบางจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการกลับมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ใช้นโยบายเศรษฐกิจเชิงปกป้องมากขึ้น เช่น การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ และนำไปสู่มาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ผลกระทบดังกล่าวสะท้อนในรายงาน World Economic Outlook ของ IMF ฉบับล่าสุดเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้ จาก 3.3% เหลือ 2.8% ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคยิ่งตอกย้ำถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาสที่ 3 จากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน หรือความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกฎหมาย ‘One Big Beautiful Bill”’ ที่เน้นการลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับชนชั้นกลางและแรงงาน รวมถึงนิติบุคคลของสหรัฐฯ เช่น ยกเว้นภาษีสำหรับทิป โอที และเงินประกันสังคม เพิ่มเครดิตภาษีบุตรถาวรสำหรับครอบครัวกว่า 40 ล้านครอบครัว ลดอัตราภาษีนิติบุคคลสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก สิทธิหักลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตในประเทศ ยกเว้นภาษีซ้ำซ้อนสำหรับฟาร์มครอบครัวและธุรกิจที่ส่งต่อทรัพย์สินระหว่างรุ่น เครดิตภาษีสำหรับการจ้างงานในประเทศและการลงทุนในเทคโนโลยีที่ผลิตในสหรัฐฯ เป็นต้น
นอกจากนี้ การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐยังช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และเอื้อต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจ
ในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวน แม้จะได้รับแรงขับเคลื่อนจากนโยบายภาครัฐ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการจัดพอร์ตอย่างสมดุล โดยใช้แนวคิด Core-Satellite ที่มีแกนกลางหรือพอร์ตหลักเป็นสินทรัพย์มั่นคง และสัดส่วนที่เหลือกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์และอุตสาหกรรมในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระจายความเสี่ยงแต่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ด้วยการลงทุนในธีมที่มีศักยภาพเติบโต เช่น AI และหุ้นภูมิภาคเอเชีย เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระยะยาว
5 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจในไตรมาส 3 ปี 2568:
1.พอร์ตแกร่ง หุ้นโลกผันผวนต่ำ
แม้ตลาดยังได้รับแรงผลักดันจากนโยบายการคลังของสหรัฐฯ แต่ความเสี่ยงจากนโยบายภาษีนำเข้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ การเสริมความมั่นคงให้พอร์ตด้วยกองทุนที่เน้นความเสถียรจึงเป็นสิ่งสำคัญและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดไว้เป็นพอร์ตหลักสามารถถือลงทุนไว้ได้ในระยะยาว การลงทุนที่แนะนำ เช่น หุ้นทั่วโลกคุณภาพสูงที่มีความผันผวนต่ำ สินทรัพย์ทางเลือกหรือ Private Assets ที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นต่ำ รวมถึงการจัดพอร์ตแบบผสมระหว่างหุ้นและตราสารหนี้
2.ปลุกพอร์ต หุ้นเอเชียฟื้นตัว
ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่ม Emerging Asia ที่ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเอื้อต่อกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดเอเชีย แม้จีนจะเผชิญความท้าทายจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่กลุ่มเทคโนโลยีกลับได้รับแรงหนุนจากการมาของ DeepSeek ซึ่งเป็นโมเดล AI สัญชาติจีน ที่ช่วยเร่งการนำ AI มาใช้ในภาคธุรกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การลงทุนที่แนะนำ ได้แก่ หุ้นเทคโนโลยีของจีน หุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ (A-Share) และที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Share) รวมถึงหุ้นภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีและระดับมูลค่าหุ้นยังไม่แพง
3.พอร์ตสมดุล ลดผันผวน
การกระจายพอร์ตด้วยตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือกที่มีความสัมพันธ์กับหุ้นต่ำ (Low Correlation Assets) เป็น กลยุทธ์สำคัญในการลดความผันผวนและสร้างกระแสเงินสดรับที่มั่นคง ยกตัวอย่างการลงทุนที่แนะนำ เช่น ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศคุณภาพดีระดับ Investment Grade ขึ้นไป หรือกลยุทธ์การลงทุนแบบไม่ขึ้นกับทิศทางตลาด (Market Neutral) ที่มีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ทั้งฝั่งซื้อ (Long) และฝั่งขาย (Short) ให้สมดุล เพื่อกระจายความเสี่ยงลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุน
4.พอร์ตมั่นคง ตราสารหนี้คุณภาพ
เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยเข้าสู่ช่วงขาลง นักลงทุนเริ่มหันกลับมามองตราสารหนี้ที่ยังสามารถให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยหรือกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอและมีอัตราผลตอบแทนที่ยังทรงตัวในระดับสูงน่าสนใจลงทุน ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงการลงทุนโดยเฉพาะอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารร่วมด้วย ตัวอย่างการลงทุนที่แนะนำ ได้แก่ ตราสารหนี้ระดับ Investment Grade ตราสาร Basel III ของผู้ออกตราสารที่เป็นธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ High Yield ที่มีคุณภาพดี รวมถึงสินเชื่อไม่ด้อยสิทธิและมีหลักประกัน (Senior Secured Loans) ก็เป็นหนึ่งสินทรัพย์ที่น่าสนใจช่วยเสริมให้พอร์ตการลงทุนมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
5.พอร์ตล้ำสมัย หุ้น AI โตเด่น
AI ยังคงเป็นธีมการลงทุนที่โดดเด่นในปี 2568 จากการนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน หรือเพิ่มโอกาสสร้างรายได้และกำไรให้กับธุรกิจ แนะนำนักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI Infrastructure, Semiconductor, Cloud Computing หรือ Software ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและใช้งาน AI ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูงไว้ในพอร์ตการลงทุนส่วน Satellite เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตการลงทุนรวม
นักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scbam.com
ภาพ: vadishzainer / Getty Images