โลกการเงินกำลังตกใจกับผลการเลือกตั้งรัฐสภาสหภาพยุโรป
สายการเมืองสรุปว่า ฝ่ายขวาจัด (Nationalist) ได้รับชัยชนะ และผลการเลือกตั้งอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างการเมืองทั่วยุโรป เช่นที่เราได้เห็นฝรั่งเศสยุบสภาไปเป็นประเทศแรก
ส่วนตลาดการเงินมองเป็นข่าวร้ายทันที ดัชนี STOXX 600 ร่วงจนทำผลตอบแทนได้แย่กว่าทั่วโลกถึงราว 4% EUR อ่อนค่าอีกกว่า 1% สวนทางกับยีลด์ 10 ปีของฝรั่งเศสที่เด้งขึ้นแตะระดับ 3.3% สูงสุดในรอบ 7 เดือน
คำถามคือ การปรับตัวลงของสินทรัพย์เสี่ยงในยุโรปเป็นสัญญาณของวิกฤตหรือโอกาสสำหรับนักลงทุนกันแน่
เรื่องผลเลือกตั้งสภายุโรป แม้ในภาพรวมฝั่งขวาจัดได้รับเสียงตอบรับดี แต่ไม่ได้ชนะอย่างถล่มทลาย
รายประเทศ ดูจะมีเพียงฝรั่งเศสและออสเตรียเท่านั้นที่เราสามารถพูดได้ว่าฝ่ายขวาจัดทำได้ดี
ในออสเตรีย พรรคชาตินิยมต่อต้านผู้อพยพ Freedom ได้รับคะแนนเสียงในประเทศ 26% เพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2019 ส่วนฝรั่งเศสพรรค National Rally และ Reconquest ที่มีนโยบายชาตินิยม ก็ได้รับคะแนนเสียง 31.4% และ 5.5% ในการเลือกตั้งรัฐสภาสหภาพยุโรปครั้งล่าสุด
อย่างไรก็ดี พรรคชาตินิยมต่อต้านผู้อพยพในประเทศอื่น เช่น พรรค Vox ในสเปนมีคะแนนในประเทศลดลงจาก 14% เหลือเพียง 9% ส่วนพรรค AfD ในเยอรมนีที่เคยได้คะแนนสูงเป็นอันดับสองก็เหลือที่นั่งเพียง 16% เท่านั้น
โดยรวมฝั่งขวาจัดในยุโรป ทั้งกลุ่ม European Conservatives and Reformists (ECR) ที่นำโดยอิตาลี โปแลนด์ สวีเดน ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเพียง 4 ที่ และ Identity and Democracy (ID) ที่มีแกนนำอย่างฝรั่งเศส ออสเตรีย เบลเยียม ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเพียง 9 ที่ ต้องรวมกับฝั่งขวาจัดในเยอรมนี ฮังการี ถึงเป็น 156 ที่นั่ง คิดเป็น 22% ของสภายุโรป ยังเป็นรองกลุ่มกลางขวาอย่าง European People’s Party (EPP) ที่มี 190 ที่นั่ง ไม่สามารถเรียกว่าเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมตลาดถึงมองเป็นข่าวร้าย
ผมมองว่า ตลาดทุนกลัวการเลือกตั้งฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี ถ้าประเมินแบบปกติ กลุ่มการเมืองของประธานาธิบดีมาครงยังมีโอกาสกลับมาได้
สังเกตจากการปรับฐานเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีมาครงยุบสภา โดยการเลือกตั้งของฝรั่งเศสจะมีขึ้นทันทีในวันที่ 30 มิถุนายน และ 7 กรกฎาคม
แม้จะน่ากังวลและอาจเป็นประตูไปสู่ Frexit หรือ France’s Brexit แต่ถ้ามองในเชิงพื้นฐาน ชาวฝรั่งเศสที่สนับสนุนพรรค National Rally กระจุกตัวอยู่ในบางภูมิภาค เมื่อการเลือกตั้งเป็นผลรวมจากทั้งประเทศ การชนะเด็ดขาดจึงอาจเกิดขึ้นยาก
นอกจากนั้น ย้อนกลับไปในอดีต 20 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองสายกลางมักได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งรอบสอง เพราะเมื่อถึงเวลาต้องเลือก ชาวฝรั่งเศสมักไม่สนับสนุนพรรคขวาจัด และมาครงกำลังหวังให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ถึงตรงนี้หลายท่านอาจสบายใจเรื่องการเมืองลงบ้าง
แต่ถึงไม่เปลี่ยนแปลงมาก ในมุมตลาดการเงินความไม่แน่นอนจะอยู่กับสินทรัพย์เสี่ยงยุโรปและ EUR ไปอีกพักใหญ่
ผมมองว่าผลการเลือกตั้งรัฐสภาสหภาพยุโรปและฝรั่งเศส ไม่ใช่ความเสี่ยง Euro Exit ในทางตรงข้าม การมีพรรคการเมืองฝั่งขวามารวมตัวกัน อาจหมายถึงโอกาสที่จะมีนโยบายการคลังเพื่อช่วยแต่ละประเทศในยุโรปมากขึ้นด้วยซ้ำ
แต่ด้วยคะแนนเสียงที่ไม่ชนะขาด และพรรค EPP โดยการนำของ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ยังครองที่นั่งสูงสุด สิ่งที่คาดหวังได้ในระดับภูมิภาค ชัดที่สุดจะเป็นความสัมพันธ์จีน-ยุโรปที่ตึงเครียดต่อไป
ขณะที่การขาดดุลทางการคลัง ถ้าเกิดขึ้นในระดับประเทศจะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์ในยุโรปกว้างขึ้น EUR มีโอกาสอ่อนค่าต่อ
ใครที่ลงทุนหรือกำลังสนใจหุ้นยุโรปและ Developed Market ผมมอง 3 ทางเลือก
- หุ้นยุโรป ปัจจุบัน Forward P/E อยู่ที่ราว 13-14x บนระดับการเติบโตของรายได้ 7-11% ในปีนี้ ถูกที่สุดในกลุ่ม DM และ ECB กำลังลดดอกเบี้ย อาจจับจังหวะลงทุนระยะสั้นถ้าปรับตัวลงจากข่าวการเมือง กลุ่มที่น่าสนใจคือสินค้าฟุ่มเฟือย ที่รายได้เติบโตดีช่วง EUR อ่อน และการแพทย์ที่ Beta ต่ำ
- หุ้นญี่ปุ่น Forward P/E อยู่ที่ราว 14-15x บนระดับการเติบโตของรายได้ 7-10% ข้อเสียคือ ระดับราคาแพงขึ้นกว่ายุโรป ขณะที่ BOJ จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวด JPY จึงอ่อนกว่านี้ได้ไม่มาก แลกมาด้วยข้อดีด้านความเสี่ยงการเมืองที่น้อยกว่า เหมาะกับการลงทุนระยะยาว กลุ่มที่น่าสนใจคือการเงิน อิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นขวัญใจนักลงทุนทั่วโลก
- หุ้นสหรัฐฯ การเติบโตของรายได้ 10-14% บน Forward P/E ราว 20-22x แม้จะไม่นับ Magnificent 7 P/E ก็สูงราว 16-18x ถือเป็นภูมิภาคที่แพงที่สุด แต่มีจุดแข็งที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว USD อ่อนค่ายาก เพราะ Fed ไม่ลดดอกเบี้ย แค่ต้องไม่ลืมเตรียมพร้อมรับความผันผวนจากการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 5 พฤศจิกายนเช่นกัน
โดยสรุป ผมมองว่าการเลือกตั้งรัฐสภาสหภาพยุโรปและฝรั่งเศสที่กำลังจะมีขึ้น เป็นความเสี่ยงทางการเมืองที่สร้างโอกาสการลงทุนระยะสั้น
แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว การเมืองไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด จึงไม่ควรกังวลมากเกินไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเทียบพื้นฐานของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เราเห็นภาพใหญ่ และเลือกลงทุนอย่างต่อเนื่องได้ครับ
ผลการเลือกตั้งรัฐสภาสหภาพยุโรปสำหรับปี 2024-2029
ภาพ: European Parliament / Getty Images