ออกมาเคลื่อนไหวไม่หยุด ‘อิชิตัน กรุ๊ป’ เปิดตัว น้ำด่างอิชิตัน พลัส CBD รับโอกาสของกระแสการบริโภคน้ำด่างโต หวังเจาะสายสุขภาพ-วัยทำงาน พร้อมปล่อยแคมเปญทำการตลาดทุกช่องทาง มั่นใจช่วยผลักดันเป้าหมาย อิชิตัน กรุ๊ป ให้มีรายได้แตะ 7,300 ล้านบาท หรือโต 15% ในปี 2566
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการบริโภคน้ำด่างเริ่มเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ทั้งในญี่ปุ่นและไต้หวัน ส่วนการบริโภคในไทยยังจำกัดอยู่ในกลุ่มเฉพาะ แต่นับว่ายังมีโอกาสเติบโตเมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำดื่มบรรจุขวดที่มีมูลค่า 28,500 ล้านบาทต่อปี
ที่ผ่านมา อิชิตันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PH PLUS ออกสู่ตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าสายสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Y ที่เป็น The Wellness Generation ด้วยไลฟ์สไตล์คนกลุ่มนี้ทำงานหนัก มีเวลาว่างน้อย เห็นได้จากผลสำรวจกว่า 73% ทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่กลุ่มคนอีก 26% ทำ 2 งานขึ้นไป เพื่อหารายได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าน้ำด่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตัน มอง ‘กัญชง’ คือโอกาสทองครั้งใหม่ของอิชิตัน มั่นใจเป็นรายแรกๆ ที่ส่งสินค้าลงสู่สังเวียนแน่นอน
- เจ้าพ่อชาเขียว ‘ตัน ภาสกรนที’ ส่งอิชิตัน 0 แคลอรี รับเทรนด์สุขภาพ หวังเข้ามาดันยอดขายเติบโต 13%
- ชาเขียวฟื้นแล้วแต่ยังไม่มากพอ ‘ตัน ภาสกรนที’ มองหาน่านน้ำใหม่ ส่ง ‘ตันซันซู’ น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี ปีแรกหวังรายได้ 500 ล้านบาท
เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว จึงได้เปิดตัว น้ำด่างอิชิตัน พลัส CBD ราคา 20 บาท พัฒนานวัตกรรม Japan Smart Technology จากประเทศญี่ปุ่น วางจำหน่ายในช่องทางร้านสะดวกซื้อ หวังตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ และยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค พร้อมเดินหน้าทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผ่านแคมเปญ #CalmModewithIchitanCBD เพื่อสร้างเอ็นเกจเมนต์กับพนักงานออฟฟิศในบริษัทชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ
“เชื่อมั่นว่าสินค้าดังกล่าวจะเข้ามาหนุนเป้าหมายให้อิชิตัน กรุ๊ป ปี 2566 มีรายได้ 7,300 ล้านบาท หรือโต 15% ตามที่ได้วางไว้” ตันกล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทกลับมาท็อปฟอร์ม โดยมีกำไรสุทธิ 641.6 ล้านบาท หรือโตขึ้น 17.3% จากปีก่อนที่ทำได้ 546.8 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 6,340.4 ล้านบาท โต 21.3%
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไฟเขียวอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ ต้องรอพิจารณาจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันที่ 27 เมษายน 2566