เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา THE STANDARD POP ได้มีโอกาสไปร่วมทริปน้ำหอมของ CHANEL ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้พา เบ็คกี้ รีเบคก้า ไปเจอกับ Olivier Polge นักปรุงน้ำหอมของ CHANEL ที่คอยคิดค้นน้ำหอมกลิ่นใหม่ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Gabrielle Chanel อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น CHANEL N°5 L’Eau, Chance Eau Fraîche Gabrielle, Paris-Deauville หรือล่าสุดอย่าง Comète น้ำหอมกลิ่นล่าสุดจาก LES EXCLUSIFS DE CHANEL ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ภายในทริปนี้ Olivier Polge ไม่เพียงแค่เดินทางมาพบกับสื่อในแถบเอเชีย และพูดคุยถึงเรื่องราวของน้ำหอมของ CHANEL ในรอบปี 2024 ที่ผ่านมา แต่ยังมีช่วงพิเศษที่เขาพาเบ็คกี้ ไปทำความรู้จักน้ำหอมกลิ่นไอคอนิกอย่าง CHANEL N°5 จากปากของผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเหมือน ‘จมูก’ ของแบรนด์ และได้มีเวลานั่งพูดคุยทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
นี่คือบทสนทนาของเขาทั้งสองคนถึงเรื่องการเติบโตในเมือง Grasse และการสร้างสรรค์น้ำหอมของ CHANEL ที่ทาง เบ็คกี้ รีเบคก้า อาสาเป็นคนสัมภาษณ์ให้ THE STANDARD POP เอง
เบ็คกี้: ฉันเชื่อว่าน้ำหอมและงานศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่ในครอบครัวคุณมาเสมอ แต่ฉันรู้มาว่าแพสชันแรกของคุณคือดนตรีใช่ไหม
Olivier: ใช่ครับ ตอนที่ผมโตมาก็เหมือนกับเด็กหลายๆ คนที่ไม่อยากทำงานเหมือนที่พ่อแม่ทำ ผมอยากทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่น้ำหอม ผมสนใจด้านดนตรีตอนเป็นวัยรุ่น แต่ก็เพิ่งมาค้นพบว่าผมพัฒนาความชอบด้านน้ำหอมก็ผ่านดนตรีนี่แหละ
ผมคิดว่าดนตรีและน้ำหอมมีบางอย่างที่เหมือนกัน ดนตรีสามารถกล่อมเกลาจิตใจคุณได้ น้ำหอมก็สามารถทำให้คุณรู้สึกสบายได้ เพลงต่างๆ พาคุณไปยังสถานที่ต่างๆ ทำให้คุณฝัน น้ำหอมก็เช่นกัน
แล้วถ้าฉันรู้สึกเหนื่อยล้า กลิ่นแบบไหนถึงช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้
Olivier: จริงๆ มีหลายกลิ่นในชีวิตประจำวันของคนฝรั่งเศสเลย เราเริ่มต้นวันด้วยการปิ้งขนมปัง กลิ่นของขนมปังอุ่นกับกาแฟแก้วแรกของวันเป็นอะไรที่ผมชอบมาก หรือจะเป็นกลิ่นซิตรัส (Citrus) ก็ช่วยได้ มันมีความสดชื่นแบบพลังบวก อย่างเช่นกลิ่นไม้ที่ผสมกลิ่นดอกส้มของโคโลญ CHANEL
พ่อของคุณก็เป็น ‘จมูก’ ของ CHANEL ด้วยเช่นกัน เล่าความทรงจำพิเศษกับพ่อคุณให้เราฟังหน่อยได้ไหม
Olivier: มีครับ ที่จริงแล้วผมเกิดที่เมือง Grasse ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสด้วยซ้ำ เมืองเล็กๆ เมืองนี้คือต้นกำเนิดของอุตสาหกรรมน้ำหอม และมีบริษัทเล็กๆ มากมายที่เชี่ยวชาญการผลิตวัตถุดิบน้ำหอม ที่นี่มีไร่ดอกไม้ และเราก็มีไร่ดอกมะลิและกุหลาบด้วย นี่คือสิ่งที่ผมเติบโตมา
แล้วคุณรู้สึกอย่างไรที่เป็นเหมือน ‘จมูก’ ของ CHANEL ในวันนี้
ผมคิดว่าหน้าที่นี้เป็นอะไรที่พิเศษมาก เพราะว่า CHANEL คือแบรนด์แห่งการรังสรรค์ เราเป็นเจ้าของทั้งงานฝีมือและอยู่เบื้องหลังกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งมันสำคัญมากสำหรับทุกๆ อย่างที่เราทำ เพราะงานฝีมือจะเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ของเรา
เล่าถึงเมือง Grasse ให้ฟังอีกได้ไหม ฉันได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งมาก
Olivier: ผมคิดว่าคุณต้องไปให้ได้สักครั้ง ที่นี่มีทุกอย่างเกี่ยวกับการทำน้ำหอมของเรา ถ้าคุณได้มาที่ไร่ดอกไม้คุณจะรู้ว่าเราทำน้ำหอมกันอย่างไร และเราเล่าเรื่องน้ำหอมอย่างไร
Grasse เป็นเมืองที่สำคัญกับเรา เพราะที่นี่คือที่ที่ CHANEL N°5 ถือกำเนิดขึ้น และถูกผลิตจากดอกไม้ที่เราปลูกในเมืองนี้ จากสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และดินที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะของที่นี่ ทุกอย่างมีผลต่อวัตถุดิบของเรา คุณสามารถหาดอกมะลิพันธุ์เดียวกันจากทั่วโลก แต่กลิ่นของพวกมันไม่เหมือนกันเลย เราเลยต้องร่วมมือกับเกษตรกรทางตอนใต้ของฝรั่งเศสที่ปลูกมะลิให้เรามากว่า 30-40 ปี รวมไปถึงดอกกุหลาบ ดอกไอริส และดอกเจอราเนียมด้วย
แล้วนานไหมกว่าคุณจะทำน้ำหอมออกมาแต่ละกลิ่น
Olivier: การผลิตน้ำหอมเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา เพราะว่ามันคือการทดลอง เราไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องทำน้ำหอมแบบไหน เราค่อนข้างที่จะใช้ความรู้สึกและต้องทดลองเยอะๆ เราเริ่มจากการหาวัตถุดิบก่อน และบางครั้งเราต้องรอไปอีกหลายวันกว่าจะได้น้ำมันของมันมา และรอไปอีกจนกว่าน้ำมันของแต่ละตัวจะผสมกันอย่างลงตัว
จะพูดก็ได้ว่าสุดท้ายผมต้องมาดูว่าผมรู้สึกอย่างไรกับน้ำหอมนี้ และคนอื่นจะรู้สึกอย่างไรตามมาด้วย ดังนั้นผมอาจจะเก็บสูตรน้ำหอมดีๆ ที่เพิ่งคิดขึ้นมาไว้เป็นสัปดาห์ ซึ่งรวมแล้วก็ประมาณ 2 ปีกว่าที่จะปล่อยออกมา
กลิ่นที่ฉันชอบคือ PARIS – PARIS คุณคิดกลิ่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
Olivier: ผมคิดน้ำหอมคอลเล็กชันนี้เหมือนกับการทำแฟชั่นโชว์ Cruise ที่ผมจะจับคู่ปารีสกับเมืองต่างๆ มันสำคัญกับแบรนด์มาก เพราะ Gabrielle Chanel ทำงานในหลายสถานที่ เธอเปิดร้านแรกในเมือง Deauville เหมือนกับที่เมือง Biarritz เธอใช้เวลาที่เมือง Venice ด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาผมก็เพิ่งคิดได้ว่าปารีสคือจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง นี่เลยเป็นไอเดียของการทำน้ำหอมแต่ละกลิ่นของผมครับ
แล้วเราจะมี PARIS – BANGKOK ตามมาไหม
Olivier: คุณต้องพาผมไปกรุงเทพฯ แล้วละ
ภาพ: CHANEL