ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการของหลายชาติทั่วโลกได้เร่งอพยพประชาชนและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐออกจากซูดาน หลังการสู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ที่เปลี่ยนกรุงคาร์ทูมให้กลายเป็นสมรภูมิเลือดยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้
หลายประเทศได้ทยอยนำเครื่องบินมาลงจอดและจัดขบวนรถในกรุงคาร์ทูม เพื่อเริ่มการอพยพพลเมืองของตนออกจากซูดาน โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่ามีชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสู้รบด้วย ขณะเสียงปืนยังคงดังสนั่นทั่วเมือง ผสมกับภาพของควันดำลอยโขมงอยู่เหนือท้องฟ้า
สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า กองกำลังพิเศษได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ MH-47 Chinook มารับพลเมืองเกือบ 100 คนในกรุงคาร์ทูม โดยใช้เวลารวดเร็วเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับอังกฤษ นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค เปิดเผยทางทวิตเตอร์วานนี้ว่า กองกำลังของอังกฤษได้ดำเนินการอพยพนักการทูตและครอบครัวออกจากซูดานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเยอรมนีและฝรั่งเศสประกาศเช่นกันว่าทางการกำลังดำเนินการอพยพพลเมืองของประเทศ รวมถึงประชาชนจากประเทศอื่นๆ ด้านประเทศในสหภาพยุโรป (EU) อื่นๆ รวมถึงอิตาลี เนเธอร์แลนด์ และกรีซ เปิดเผยว่าทางการอยู่ระหว่างวางแผนอพยพประชาชน
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า เครื่องบินของฝรั่งเศสที่บรรทุกประชาชนราว 100 คนจากหลากหลายชาติได้ลงจอดในจิบูตี ประเทศในแอฟริกาตะวันออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเที่ยวบินที่ 2 ซึ่งจะอพยพประชาชนอีกราว 100 คนคาดว่าจะเดินทางออกจากซูดานได้ช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า มีผู้พบเห็นขบวนรถขององค์การสหประชาชาติ (UN) เดินทางออกจากกรุงคาร์ทูม มุ่งหน้าไปยังเมืองพอร์ตซูดาน (Port Sudan) ในทะเลแดง โดยขบวนรถดังกล่าวได้พาพลเมืองจากหลายประเทศทั่วโลกไปด้วยพร้อมกัน
ตุรกีเริ่มปฏิบัติการอพยพประชาชนเมื่อช่วงรุ่งสางวันอาทิตย์ โดยใช้ถนนจากเมืองวัดมาดานี (Wad Madani) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ แต่ในภายหลังได้มีการเลื่อนการอพยพในพื้นที่หนึ่งของกรุงคาร์ทูม เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งใกล้กับมัสยิดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดนัดรวมพลของประชาชนที่เตรียมเดินทางออกจากซูดาน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสเปนระบุว่า มีผู้อพยพประมาณ 100 คนที่ได้เดินทางออกจากกรุงคาร์ทูมด้วยเครื่องบินทหารของสเปน โดยมีประชาชนกว่า 30 คนที่เป็นชาวสเปน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นพลเมืองจากโปรตุเกส อิตาลี โปแลนด์ ไอร์แลนด์ เม็กซิโก เวเนซุเอลา โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา
เจ้าหน้าที่ในจอร์แดนกล่าวว่า เครื่องบิน 4 ลำของประเทศได้ลงจอดที่สนามบินทหารอัมมาน เพื่ออพยพชาวจอร์แดน 343 คนจากพอร์ตซูดาน ส่วนอียิปต์ซึ่งมีพลเมืองมากกว่า 10,000 คนในซูดาน ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่กระจายตัวอยู่ในหลายเมืองนอกเหนือจากกรุงคาร์ทูมเดินทางไปที่สำนักงานกงสุลในพอร์ตซูดาน และเมืองวาดีฮาฟา (Wadi Halfa) เพื่อเตรียมการอพยพ
ซาอุดีอาระเบียรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ทางการได้อพยพประชาชนทั้งสิ้น 157 คน โดย 91 คนเป็นชาวซูดาน ส่วนที่เหลือเป็นพลเมืองของประเทศอื่นๆ ภาพจากสถานีโทรทัศน์ของซาอุดีอาระเบียเผยให้เห็นขบวนรถยนต์ที่เดินทางจากกรุงคาร์ทูมมายังพอร์ตซูดาน ก่อนที่เรือของกองทัพจะพาพวกเขาเดินทางออกไปยังเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ของซาอุดีอาระเบีย
กานา อินเดีย และลิเบีย เปิดเผยว่าทางการกำลังดำเนินการเพื่ออพยพประชาชนกลับประเทศ ส่วนอังเดร เชอร์โนโวล (Andrey Chernovol) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำซูดาน เปิดเผยว่า พลเมืองรัสเซียเกือบทั้งหมดในกรุงคาร์ทูมถูกอพยพไปยังอาคารสถานทูตรัสเซียเพื่อความปลอดภัยแล้ว
ความขัดแย้งที่ปะทุเป็นความรุนแรงตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ส่งผลให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในซูดานเลวร้ายลงไปกว่าเดิม โดยนับถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 420 ราย หลายพื้นที่ทั่วประเทศเต็มไปด้วยอาคารที่พังเสียหาย ขณะที่ร้านค้าหลายแห่งถูกปล้นเอาสินค้าไปหมด ความเป็นอยู่ของชาวเมืองเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประชาชนหลายล้านคนต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย ท่ามกลางเสบียงน้ำและอาหารที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ
ภาพ: Omer Erdem / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: