วันนี้ (7 ก.พ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกระปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ หลังถูกเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราชจับกุมที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมซากสัตว์และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน
11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นมาถึงหน้าบ้านนายเปรมชัย โดยตำรวจได้พบกับภรรยา ซึ่งมีอาการตื่นตระหนก เนื่องจากเจ้าหน้าที่มาจำนวนมาก และขอให้ตำรวจรอทนายความก่อนเข้าตรวจค้น
หลังทนายความมาถึง รวมถึงมีการพูดคุยทำความเข้าใจ ในที่สุดเวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงสามารถเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านได้ หลังจากนั้นผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง วิทูล แย้มพราย ทนายส่วนตัวของนายเปรมชัยก็เดินทางมาถึงบ้าน
หลังการตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย ผ่านไปมากกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาถึงบ้านนายเปรมชัยพร้อมเปิดเผยว่า นอกจากการตรวจค้นบ้านนายเปรมชัยที่ซอยศูนย์วิจัย 3 แล้ว ในวันเดียวกันยังมีการตรวจค้นบ้านพักผู้ที่ถูกจับกุมพร้อมกันอีก 5 จุด ประกอบด้วยที่นนทบุรี 2 จุด กาญจนบุรี 1 จุด และนครราชสีมา 1 จุด รวมแล้วมีการตรวจค้นวันนี้ 6 จุดด้วยกัน
สำหรับการตรวจค้นทั้งหมด พบหลักฐานแวดล้อมที่ใช้ประกอบสำนวนคดีได้เพียงจุดเดียว คือบ้านพักที่ซอยศูนย์วิจัย 3 โดยพบอาวุธปืนรวม 43 กระบอก แบ่งเป็นปืนยาว 41 กระบอก และปืนสั้น 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดยทั้งหมดเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง นอกจากนี้ยังพบงาช้างจำนวน 2 คู่ ขึ้นทะเบียนถูกต้องเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้อายัดงาช้างและอาวุธปืนทั้งหมดไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุล่าสัตว์ก่อนหน้านี้หรือไม่
พล.ต.อ. ศรีวราห์ บอกด้วยว่า อาวุธปืนที่พบมีลักษณะใกล้เคียงกับอาวุธปืนที่ใช้ล่าสัตว์ที่ยึดไว้เป็นของกลางก่อนหน้านี้ อาวุธปืนที่พบในบ้านพักถือเป็นพยานแวดล้อมว่ามีไว้เพื่อล่าสัตว์ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมของนายเปรมชัย
ส่วนการตรวจสอบเขม่าดินปืนจากนายเปรมชัยก่อนหน้านี้นั้น ยอมรับว่าอาจไม่ได้ผล เพราะกว่าจะได้ตรวจสอบ เวลาผ่านมานานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลต่อคดี เพราะสามารถตรวจหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือจากอาวุธปืนได้ ยืนยันว่าสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนได้
“ถ้าเป็นวิสัยนักสืบก็ถือว่าชัดเจน เพราะตอนเข้าป่าก็ไม่ได้มีการเตรียมหมู เห็ด เป็ด ไก่ อะไรไปประกอบอาหาร ก็ถือว่าชัดเจนว่าเข้าไปล่าสัตว์” พล.ต.อ. ศรีวราห์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัยอยู่ที่ใด แต่ยืนยันว่าไม่สามารถออกนอกประเทศได้ โดยจากนี้จะเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่นายเปรมชัยอ้างว่าเป็นแขกด้วย ซึ่งหากพบว่ามีส่วนรู้เห็นให้นายเปรมชัยเข้าไปล่าสัตว์ก็ถือว่ามีความผิด
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพหนังเสือโคร่งในห้องทำงานนายเปรมชัย ซึ่งถูกถ่ายไว้เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2534 นั้น ตำรวจจะประชุมกันเพื่อหารือว่าจะเข้าไปขอตรวจสอบห้องทำงานด้วยหรือไม่
ขณะที่ พ.ต.อ. สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจ บก.ปทส. เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นบ้านทั้ง 3 หลังอย่างละเอียดไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งซากสัตว์อื่นๆ และร่องรอยการเคลื่อนย้าย
ทั้งนี้จากการสอบถามภรรยาบอกว่า นายเปรมชัยเป็นคนรักธรรมชาติ แต่ไม่ทราบว่านายเปรมชัยเคยไปท่องเที่ยวแนวธรรมชาติบ่อยแค่ไหน เพราะส่วนตัวไม่เคยไปเที่ยวในลักษณะนี้ด้วยกัน รวมถึงไม่ทราบด้วยว่าขณะนี้นายเปรมชัยอยู่ที่ไหน