วงการพลังงานของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ทุกฝ่ายมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด
ขณะที่จุดสำคัญอย่างการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีทำให้พลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในวงการพลังงานมากขึ้นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายในทุกประเทศและทำให้ธุรกิจพลังงานเข้าสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้ง โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ของไทยอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่เชื่อมโยงไทยสู่เวทีโลกมาตลอดยิ่งต้องเปลี่ยนแปลง
เริ่มก่อนใกล้เส้นชัยกว่า: PTT มองการณ์ไกล ตั้งสถาบันนวัตกรรม (InI) ตั้งแต่ปี 2524
เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรรับมือการเปลี่ยนแปลงได้ดี แม้ปัจจุบันจะสามารถหาซื้อเทคโนโลยีจากภายนอกได้ แต่บางครั้งเทคโนโลยีนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละที่
องค์กรชั้นนำจึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีหลักเป็นของตนเอง และสร้างความเชี่ยวชาญเพื่อประยุกต์ใช้หรือคัดเลือกเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันขององค์กรอย่างยั่งยืน
ดังนั้นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมหลักขององค์กรต่างๆ ล้วนเกิดจากการศึกษา วิจัยพัฒนา และสั่งสมจนเกิดความเชี่ยวชาญ จากแนวคิดนี้ทำให้ ปตท. เริ่มตั้ง ‘ฝ่ายวิจัยและพัฒนา’ มาตั้งแต่ปี 2524 เพื่อพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี รวมถึงพัฒนากลไกส่งเสริมการผลักดันนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทั้งการบริหารทรัพย์สินทางปัญญา และการทำเทคโนโลยีพาณิชยกิจ
จนกระทั่งเกิดเป็นสถาบันนวัตกรรม (Innovation Institute: InI) ในปี 2561 โดยมีภารกิจหลักในการพัฒนา ประเมิน และเป็นที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมสนับสนุนการทำธุรกิจของ ปตท. บริษัทในเครือ รวมไปถึงตอบโจทย์การเติบโตด้านพลังงานอย่างยั่งยืนของประเทศไทย
เมื่อความเร็วเป็นทุกอย่าง นวัตกรรมพลังงานยิ่งต้องเร่งพัฒนาให้ใช้ได้จริง
ที่ผ่านมา InI มีกระบวนการพัฒนานวัตกรรมและการทำงานประสานกับผู้ใช้งานอย่างชัดเจน ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงและทันต่อความต้องการของตลาดมาโดยตลอด มีผลงานที่โดดเด่น เช่น ผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล หล่อลื่นยานยนต์ หล่อลื่นอุตสาหกรรม สารเคมีป้องกันการกัดกร่อนท่อส่งก๊าซฯ แก้วอเมซอนแบบย่อยสลายได้ อุปกรณ์ควบคุมการใช้ก๊าซธรรมชาติในเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์พลังงานโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมและราคาของเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่สามารถแข่งขันกับพลังงานจากฟอสซิลได้ ทำให้โลกเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานไฟฟ้า ปตท. ในฐานะองค์กรด้านพลังงานขนาดใหญ่และมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของประเทศจึงมีบทบาทสำคัญในการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงได้ โดย InI ได้ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาจากด้านปิโตรเลียมมามุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียน ยานยนต์ไฟฟ้า และตัวกักเก็บพลังงานมากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศ
InI กับ 3 งานวิจัยตอบโจทย์การเพิ่มขีดความสามารถประเทศ-แข่งขันกับสากลได้
ในอุตสาหกรรมพลังงานเกิดการเปลี่ยนแปลงผ่าน 3 เทคโนโลยีหลักคือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาปภายใน และตัวกักเก็บพลังงานที่จำเป็นในการสำรองไฟฟ้าในการใช้งานต่างๆ
ทาง ปตท. เตรียมความพร้อมพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีเพื่อผลักดันประเทศให้สามารถตอบโจทย์ทั้ง 3 เทคโนโลยีนี้ โดยใช้จุดแข็งที่มีในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
เทรนด์แรกที่ทุกคนพูดถึงคือ Electric Vehicles (EV) ยานยนต์ไฟฟ้าที่แม้จะเริ่มเห็นรถยนต์ไฟฟ้าในไทย แต่ InI มองไปถึงโครงสร้างและจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยพัฒนา ‘EV Charger’ หรืออุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าซึ่งได้มาตรฐานสากล IEC 61851 สามารถรองรับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid: PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV)
เกียรติสกุล วัชรินทร์ยานนท์ ฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีพลังงานใหม่: EV Charger
ขณะที่เทรนด์พลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้ InI ของ ปตท. หันมาให้ความสนใจกับ Next Generation Solar Cell ซึ่งเป็นรูปแบบของแผงโซลาร์เซลล์ในอนาคตที่ไม่ใช่แผงอย่างที่เราเคยเห็น แต่อาจจะสามารถโค้งงอได้ กลายเป็นส่วนประกอบของอาคารได้ ทำให้การใช้งานโซลาร์เซลล์มีความหลากหลายและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น
เจนวิทย์ พรหมประสิทธิ์ ฝ่ายเทคโนโลยีพลังงานใหม่ (วพว.): Next Generation Solar Cell
และพื้นฐานสำคัญที่ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เพิ่มสูงขึ้นคือ เทคโนโลยีการกักเก็บและสำรองพลังงาน (Energy Storage) ช่วยกักเก็บพลังงานไปใช้ในเวลาที่ต้องการ ส่งเสริมการนำพลังงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้น InI จึงได้พัฒนา Residential ESS ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานสำหรับครัวเรือน สามารถรองรับการเก็บพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์โดยต่อเข้าตัวเครื่องได้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าและติดตามการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน จึงทำให้สามารถนำพลังงานมากักเก็บและนำใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
จิรัฎฐ์ เหรียญประยูร ฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีพลังงานใหม่: Energy Stroage เครื่อง Residential ESS
สุดท้ายแล้วการพัฒนาด้านพลังงานไม่มีวันสิ้นสุด โดย InI ของ ปตท. จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์เชิงธุรกิจและสร้างสมดุลต่อการพัฒนาธุรกิจพลังงานของไทยให้ยั่งยืนต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์