เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลอินโดนีเซีย ยืนยันว่ารัฐบาลเตรียมให้สัตยาบันแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในวันนี้ (6 ธันวาคม) โดยเป็นการยกเครื่องกฎหมาย ซึ่งนักวิจารณ์มองว่าอาจจำกัดเสรีภาพและศีลธรรมของตำรวจภายในประเทศ
เนื้อหาในการปรับเปลี่ยนประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากที่สุด คือมาตราที่กำหนดบทลงโทษสำหรับการมีเพศสัมพันธ์นอกการแต่งงาน โดยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 1 ปี และห้ามการอยู่กินร่วมกันระหว่างคู่รักที่ไม่ได้แต่งงาน
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้การดูหมิ่นประธานาธิบดี และการเผยแพร่แนวคิดที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ชาติฆราวาสหรือที่เรียกว่า ‘ปัญจศีล (Pancasila)’ ซึ่งถือเป็นหลักปรัชญาแห่งรัฐ 5 ประการของอินโดนีเซีย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเช่นกัน
ซุฟมี ดัสโก อาห์หมัด (Sufmi Dasco Ahmad) รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และ บัมบัง วูร์ยันโต (Bambang Wuryanto) หัวหน้าคณะกรรมาธิการรัฐสภาอินโดนีเซีย ที่ดูแลการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ยืนยันกับสำนักข่าว Reuters ว่ารัฐสภาจะจัดประชุมใหญ่ในวันนี้ เพื่อให้สัตยาบันสำหรับประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและกลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม วิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนแปลงในประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวว่าเป็น ‘ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่’ สำหรับประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
“รัฐไม่สามารถจัดการกับศีลธรรมได้ หน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่ผู้ชี้ขาดระหว่างอนุรักษนิยมและเสรีนิยมของอินโดนีเซีย” ภิวิตรี ซูซานตี (Bivitri Susanti) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากโรงเรียนกฎหมายอินโดนีเซีย Jentera กล่าว
ขณะที่เมื่อวานนี้ที่หน้ารัฐสภาในกรุงจาการ์ตา ยังมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มผู้คัดค้านร่างประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ดังกล่าว โดย แดเนียล วินาร์ตา (Daniel Winarta) นักศึกษามหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ชี้ว่าเนื้อหากฎหมายที่ปรับเปลี่ยน เช่นการอยู่ร่วมกันของคู่รักนั้น ชัดเจนว่าเป็น ‘เรื่องส่วนตัว’
ทั้งนี้ ประชากรอินโดนีเซียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และยังมีกลุ่มผู้นับถือศาสนาฮินดู คริสต์ และผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆ จำนวนมาก โดยชาวมุสลิมอินโดนีเซียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามแบบสายกลาง แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ลัทธิอนุรักษนิยมทางศาสนาได้เพิ่มสูงขึ้นและเริ่มรุกเข้าสู่การเมือง
ภาพ: REUTERS / Willy Kurniawan
อ้างอิง: