ผู้นำ อินโดนีเซีย เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยหากอินโดนีเซียเข้าร่วมอินเดียและจีนในการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จะเป็นการช่วยรัฐบาลมอสโกชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากการส่งเชื้อเพลิงไปยังยุโรปที่ลดลงได้
โจโก วีโดโด หรือ ‘โจโกวี’ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียจำเป็นต้องพิจารณาทางเลือกทั้งหมด รวมถึงการซื้อน้ำมันรัสเซีย เพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- G7 เห็นพ้องกำหนดเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซีย แต่ต้องการแรงหนุนจาก ‘จีน-อินเดีย’ เพื่อทำให้การกดราคามีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- 10 อันดับ สกุลเงินเอเชีย ที่อ่อนค่าสูงสุดนับจากต้นปี 2565
โดยวีโดโดได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว Financial Times ที่ถามว่าอินโดนีเซียจะซื้อน้ำมันรัสเซียหรือไม่ ว่าเราเฝ้าติดตามตัวเลือกทั้งหมดอยู่เสมอ ถ้ามีประเทศใดให้ราคาที่ดีกว่า เราก็จะซื้อแน่นอน พร้อมทั้งเสริมว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องหาแหล่งพลังงานต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานของประชาชน
ทั้งนี้ อินโดนีเซียไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในจำนวนที่มีนัยสำคัญมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รัฐบาลของวีโดโดกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ควบคุมต้นทุนที่สูงขึ้น หลังจากตัดสินใจเลิกอุดหนุนราคาพลังงาน ทำให้ราคาเชื้อเพลิงบางประเภทสูงขึ้นถึง 30% ในเดือนนี้
ขณะที่ เดวิด ซามวล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Bank Central Asia กล่าวว่า หากรัฐบาลอินโดนีเซียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จะเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดีอย่างมาก เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการประชาชาติแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ในปีนี้อินโดนีเซียยังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ที่บาหลี ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เชิญผู้นำระดับโลกจำนวนมาก รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากสหรัฐฯ, สีจิ้นผิง ผู้นำจีน, วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
ความคิดเห็นของวีโดโดได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความยากลำบากของหลายประเทศในการแก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและธุรกิจ
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาวีโดโดไปเยือนกรุงมอสโกของรัสเซีย และกรุงเคียฟของยูเครน เพียงไม่กี่เดือนหลังจากสงครามในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเชิญผู้นำของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 เป็นการส่วนตัว
ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า รัสเซียได้เสนอขายน้ำมันให้กับอินโดนีเซียในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดระหว่างประเทศถึง 30% ขณะที่เมื่อเดือนสิงหาคม Pertamina บริษัทน้ำมันของรัฐบาลอินโดนีเซีย เปิดเผยว่ากำลังทบทวนความเสี่ยงในการซื้อน้ำมันรัสเซียอยู่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสหรัฐฯ ขู่ว่าจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรการซื้อน้ำมันตามราคาเพดานที่กำหนดโดย G7 ทำให้อินโดนีเซียเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อินโดนีเซียตัดสินใจลดเงินอุดหนุนด้านพลังงานในเดือนกันยายนนี้ เนื่องจาก ต้นทุนอุดหนุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากงบประมาณเดิมอยู่ที่ 502.4 ล้านรูเปียห์ (หรือราว 1.23 ล้านบาท)
เศรษฐกิจของอินโดนีเซียรอดพ้นวิกฤตด้านพลังงานไปได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดย GDP โต 5.44% จากปีก่อน เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการส่งออกสินค้าถ่านหินและน้ำมันปาล์ม
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นคาดว่าจะผลักดันให้เงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้น และบังคับให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
อ้างอิง:
