อินโดนีเซีย เตรียมเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเรียกเก็บในรูปของภาษี VAT(Value Added Tax) และภาษีเงินได้จากกำไรในอัตราเดียวกันที่ 0.1% ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้รัฐบาลได้รายได้เพิ่มเติมจากการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศ
ทางกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียมองว่า สินทรัพย์คริปโตเป็นเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์ จึงจะถูกนำไปคิดในรูปแบบ VAT และภาษีเงินได้จากกำไรการลงทุน
โดย VAT เป็นรูปแบบหนึ่งของภาษีที่จะถูกนำไปคิดเพิ่มในสินค้าและบริการในส่วนต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของสินค้าและบริการนั้นๆ จากผู้ผลิตจนถึงผู้บริโภค ซึ่งคิดที่อัตรา 0.1% ถือว่าต่ำกว่า สินค้าและบริการอื่นๆ ที่ถูกคิดไว้ที่ 11% ในขณะที่ทางสหรัฐฯ คิดเรตที่ 0-11.5%
นโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับภาษีภายในอินโดนีเซียเมื่อปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งในขณะนี้ทางรัฐบาลอินโดนีเซียก็กำลังพยายามพัฒนาและหารูปแบบการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
เทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างประเทศไทยและเวียดนาม ทางอินโดนีเซียก็ได้กำกับคริปโตไปในทิศทางใกล้เคียงกัน เนื่องจากไม่อนุญาตให้ใช้คริปโตในฐานะตัวกลางในการชำระสินค้าและบริการได้ หากแต่มองการเทรดสินทรัพย์เหล่านั้นในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์
โดยทาง World Bank ได้เผยข้อมูลว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยขนาดประชากรเกินกว่า 273 ล้านคน 300 เชื้อชาติ นอกจากนั้นเอง ยังมีรายงานทางสถิติของผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน Triple A เผยว่า ประชากรอินโดนีเซียกว่า 2.6% หรือราว 7.2 ล้านคน ถือคริปโต
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP