ทราบกันดีว่าโลกกำลังหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด แน่นอนว่าแนวโน้มความต้องการและการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้ากำลังบีบให้หลายประเทศปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve)
การแข่งขันของ 2 ประเทศ ทั้งไทยและอินโดนีเซียจึงร้อนแรงมากขึ้น เพราะต่างมีเป้าหมายผลักดันประเทศให้เป็นฮับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภูมิภาค รวมไปถึงหัวใจสำคัญ นั่นคือแบตเตอรี่
วันที่ 1 มีนาคม รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการลงทุนของอินโดนีเซียประกาศพร้อมผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์รถยนต์ EV ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งโรงงานแห่งนี้สามารถรองรับพลังงานสูงสุด 300 วัตต์-ชั่วโมง โดยโรงงานตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะชวา เมืองการาวัง มีกำลังการผลิตรวมสูงสุด 10 กิกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถผลิตได้มากถึง 32.6 ล้านหน่วยต่อปี จากผู้ผลิตบริษัท PT HLI Green Power
ทินา ทาลิซา เจ้าหน้าที่พิเศษด้านความสัมพันธ์ระดับภูมิภาคของกระทรวงการลงทุน กล่าวว่า มากกว่า 90% ที่ผลิตได้จะเน้นการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ รองลงมาคืออินเดีย ส่วนวัตถุดิบที่นำมาผลิตเซลล์แบตเตอรี่ดังกล่าวมาจากการแปรรูปปริมาณสำรองแร่นิกเกิลที่มีอยู่จำนวนมากในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นจุดแข็งของการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงแมงกานีส โคบอลต์ และลิเธียม พร้อมสร้างการจ้างงานคนในท้องถิ่นให้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
กระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ ระบุว่า อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีแร่นิกเกิลสำรองประมาณ 72 ล้านตัน หรือคิดเป็น 52% ของปริมาณแร่นิกเกิลทั่วโลก ซึ่งนิกเกิลเป็นส่วนประกอบหลักของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
ปูทางสู่ฮับ Green Tech ภูมิภาค
ขณะนี้อินโดนีเซียมุ่งเป้าผลิตและส่งออกแบตเตอรี่ เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานป้อนยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก โดยเป็นแผนเชิงกลยุทธ์ที่ไม่เพียงแต่จะตอบโจทย์ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมุ่งผลักดันประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบการขนส่งที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น
ดังนั้นความสำเร็จของโรงงาน PT HLI Green Power สามารถปูทางกระตุ้นการลงทุนมายังอินโดนีเซีย เพื่อไปสู่เป้าหมายในอนาคตให้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“การเปิดตัวโรงงานแบตเตอรี่ EV แห่งแรกของอินโดนีเซียถือเป็นก้าวสำคัญในวิวัฒนาการทางอุตสาหกรรมประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียว”
สำหรับประเทศไทยมีนโยบายกระตุ้นการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมทั้งมีเป้าหมายการผลิตแบตเตอรี่ โดยมีการลงทุนต่อเนื่องมากกว่า 17 โครงการ แต่ปัจจุบัน การเข้ามาลงทุนในไทยยังเป็นเทคโนโลยีที่เป็นการประกอบแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ EV ในลักษณะที่เป็น Cell to Pack และ Cell to Module มากกว่าการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์
(อ้างอิง: BOI)
เร็วๆ นี้ บอร์ด EV จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) พร้อมตั้งเป้าดึงยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BYD, CATL, EVE, Panasonic, Samsung และ LG ตั้งฐานการผลิตเพื่อปักหมุดขยายการลงทุนในไทย ด้วยการลดภาษีสูงสุด 15 ปี และเงินอุดหนุนจากกองทุน
ภาพ: Jason marz / Getty Images
อ้างอิง:
