ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ในจังหวัดสุลาเวสีตะวันตกของอินโดนีเซียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอินโดนีเซียเมื่อเย็นวันศุกร์เผยว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 42 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองมามูจูและที่เหลืออยู่ในเมืองมาเจเน ขณะที่ยอดผู้บาดเจ็บมีกว่า 820 คน และประชาชนอีกกว่า 15,000 คนต้องอพยพออกจากที่พักอาศัย โดยฝนที่ตกลงมายังเป็นอุปสรรคต่อการหาที่หลบภัยด้วย
เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.28 น. ของวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองมาเจเนเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร และอยู่ลึกลงไป 10 กิโลเมตร
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนกว่า 300 หลัง โรงแรมอีก 2 แห่ง รวมถึงสำนักงานของผู้ว่าการระดับภูมิภาค ซึ่งที่สำนักงานดังกล่าวเจ้าหน้าที่รายงานว่ายังมีผู้คนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง นอกจากนี้ยังมีเหตุดินถล่ม ระบบไฟฟ้าที่ถูกตัดขาด และสะพานที่เชื่อมไปยังศูนย์กลางในระดับภูมิภาคได้รับความเสียหาย รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดสุลาเวสีตะวันตกระบุว่า กำลังมีการเร่งซ่อมแซมระบบโทรคมนาคมและสะพานต่างๆ รวมถึงมีความพยายามส่งเต็นท์ อาหาร และยารักษาโรคในพื้นที่ด้วย
ส่วนสำนักข่าว BBC รายงานว่า มีเหตุโรงพยาบาลขนาด 5 ชั้นในเมืองมามูจู ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองมาเจเนเกิดถล่มลงมาบางส่วนหลังเกิดแผ่นดินไหว จุดนี้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ส่วนผู้คนอีกกว่า 60 ชีวิตสามารถอพยพออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ทางการยังกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ ขณะที่ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป โดยอุปสรรคสำคัญของการกู้ภัยคือปัญหากระแสไฟฟ้าและการขาดสัญญาณโทรศัพท์
แม้จะยังไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ แต่ Dwikorita Karnawati หัวหน้าศูนย์อุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย (KBMG) ก็ระบุในการแถลงข่าวว่า ยังมีโอกาสที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้อีกซึ่งอาจทำให้เกิดสึนามิได้ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ก่อนจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ดังกล่าว ก็มีเหตุแผ่นดินไหวนำขนาด 5.9 เกิดขึ้นก่อนหนึ่งครั้งเมื่อวันพฤหัสบดี
Muhammad Ansari Iriyanto ชาวเมืองมามูจูวัย 31 ปี ระบุกับ Reuters ว่า ผู้คนต่างตื่นตระหนกและต่างหาที่หลบภัยในเนินเขาและภูเขาใกล้เคียง นอกจากนี้ยังกังวลเกี่ยวกับการเกิดสึนามิด้วย
ขณะที่บนสื่อสังคมออนไลน์มีการส่งต่อภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว อาทิ ภาพของชาวบ้านที่หนีขึ้นไปบนที่สูงด้วยรถจักรยานยนต์ หรือภาพของเด็กสาวที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังและผู้คนที่พยายามเข้าไปย้ายซากดังกล่าวด้วยมือ การให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์นี้ยังซับซ้อนยิ่งขึ้นจากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ด้วย โดยหัวหน้าสหพันธ์สภากาชาดสากลในอินโดนีเซียยอมรับว่านี่เป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุด
ด้านประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ของอินโดนีเซีย แสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ พร้อมเร่งรัดกระบวนการค้นหาบุคคลที่สูญหายของเจ้าหน้าที่
ภาพ: Firdaus / AFP
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: